วัคซีนมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ วัคซีนพื้นฐานที่เด็กควรได้รับและวัคซีนเสริม ซึ่งคุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจมองว่าวัคซีนเสริมนั้นไม่จำเป็น แต่จริงๆ แล้ววัคซีนเสริมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยดูแลป้องกันสุขภาพของลูกน้อยให้ห่างไกลจากความเจ็บป่วยที่พ่อแม่ไม่คาดคิดได้
วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโรต้า เป็นวัคซีนสำคัญที่แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำ ไปดูกันดีกว่าว่าทำไมวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโรต้าจึงสำคัญและเป็นวัคซีนที่แพทย์ถึงแนะนำ
โรตาไวรัสคืออะไร ทำไมการฉีดวัคซีนจึงสำคัญ
โรตาไวรัส (Rotavirus) เป็นไวรัสที่ติดเชื้อในทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องร่วงและอาเจียนอย่างรุนแรง ทารกส่วนใหญ่ป่วย อาเจียน หรือมีอาการท้องร่วงในบางครั้งและฟื้นตัวเต็มที่ใช้เวลาสองสามวัน แต่อาการท้องร่วงที่เกิดจากโรตาไวรัส สามารถทำให้เกิดการขาดน้ำในร่างกายได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารกและเด็กเล็กและอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล
- โรตาไวรัสเป็นเชื้อโรคที่ป้องกันได้ยากเมื่อเทียบกับเชื้ออื่น
- การได้รับวัคซีนป้องกันท้องเสียจากไวรัสโรต้าจึงเป็นเรื่องจำเป็น
- วัคซีนจะช่วยป้องกันความรุนแรงของโรค หรือลดโอกาสการเป็นโรคนี้ได้
เด็กที่ควรได้รับวัคซีน
- ครั้งที่ 1 คือ อายุตั้งแต่ 6 สัปดาห์ขึ้นไป
- เด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 5 ปี นับเป็นช่วงอายุที่พบเชื้อบ่อยที่สุด
- โรคนี้เวลาเป็นแล้วเด็กจะมีอาการรุนแรงจนมักต้องนอนโรงพยาบาล เพราะว่าเด็กจะอาเจียนและท้องเสียงรุนแรง
เชื้อไวรัสโรต้าติดต่ออย่างไร
- เชื้อไวรัสโรต้าเป็นเชื้อที่ติดต่อและเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
- ติดต่อผ่านทางปากผ่านการกินหรือการเอานิ้วหรือมือเข้าปากของเด็ก
- โดยเชื้อโรคนี้จะแฝงตัวอยู่ตามสิ่งของ ของเล่น
วิธีป้องกันลูกน้อยจากไวรัสโรต้า
- เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่เพราะน้ำนมแม่จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้เด็ก
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกอยู่เสมอ
- หมั่นล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนอุ้มหรือสัมผัสกับเด็ก
- หมั่นทำความสะอาดของเล่นรวมถึงบริเวณห้องนั่งเล่นสม่ำเสมอ
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกันหรือป้องกันด้วยวัคซีนไวรัสโรต้า เพื่อลดอัตราการเจ็บป่วย และลดความรุนแรงของโรค
เชื้อไวรัสโรต้านี้จะมีชีวิตอยู่เป็นเวลาหลายวัน เมื่อลูกน้อยนำสิ่งของที่มีเชื้อโรคปะปนอยู่เข้าปาก ก็จะทำให้เชื้อนี้เข้าสู่ร่างกาย ส่งผลให้เด็กมีอาการไข้ อาเจียน ท้องเสีย ในรายที่มีอาการรุนแรงมากร่างกายอาจขาดน้ำและเกลือแร่จนเป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นเราจึงควรป้องกันและเสริมภูมิคุ้มกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ค่ะ
ที่มา – paolohospital,honestdocs