ตอนนี้กำลังเป็นกระแสกันเลยกับแอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจากทาง pixar เรื่อง turning Rad หรือแพนด้าแดงที่ใครๆ ต่างเรียกติดปาก ซึ่งเรื่องนี้พอได้ดูแล้วก็อดไม่ได้นี่จะนำมารีวิวให้ชาวเพจ Parents One ได้ลองอ่านเพื่อตามไปดูกันค่ะ เพราะเนื้อหานั้นถูกสร้างมาเพื่อให้เรามีความเข้าใจการเลี้ยงลูกในสังคมแบบเอเชียมากๆ เลย ถ้าอยากรู้เรื่องย่อแล้ว ก็อ่านกันต่อได้เลย!
เรื่องราวนี้ดำเนินด้วยตัวหลัง เมยลิน หรือเมย เด็กผู้หญิงวัย 13 ปีที่มีชีวิตสนุกสนานไปกับช่วงวัย ทั้งการมีกลุ่มเพื่อนที่ชอบ เรียนในวิชาที่ถนัด รวมไปถึงมีความคลั่งไคลืในศิลปินที่ชื่นชอบ แต่ทุกกิจกรรมความชอบเหล่านั้นเธอต้องคอยปกปิดมันไว้จากที่บ้านเพราะแม่ของเมยลินนั้นมีความคาดหวังว่าเธอจะต้องเป็นเด็กที่ดี และเชื่อฟังคำสั่งสอนของแม่อยู่เสมอ จนในที่สุดก็เกิดเรื่องประหลาดกับเธอขึ้นเมื่อเมยลินตื่นมา และพบว่าตัวเองกลายเป็นแพนด้าแดงตัวใหญ่ สร้างทั้งความตกใจและสับสนให้กับเด็กที่กำลังเข้าวัยรุ่นอย่างเธอมากจนได้มารู้ความจริงว่าตระกูลของเธอนั้นสืบเชื้อสายมาจากผู้มีพลังวิเศษที่สามารถกลายร่างเป็นแพนด้าแดงได้ในช่วงเวลาที่อารมณ์ที่มีพุ่งจนขีดสุด
เธอจึงต้องรู้จักการควบคุมเจ้าแพนด้าแดงไว้ ไม่ให้มันหลุดออกมาทุกครั้งที่เธอเผลอแสดงความเกรี้ยวกราดออกไป และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการที่เมยลินได้เรียนรู้เกี่ยวกับมิตรภาพ ความฝัน และครอบครัวของเธอ
การ์ตูนเรื่องนี้เหมาะกับเด็ก 10 ขวบ ขึ้นไป
]
แอมิเมชั่นเรื่อง turning red นั้นแม้จะมีสีสัน และเรื่องราวที่ให้ข้อคิดได้มากมาย แต่ช่วงวัยที่เหมาะสมจริงๆ ในการให้ดูคืออายุ 10 ขวบขึ้นไป เพราะในช่วงวัยนี้จะเป็นช่วงที่กำลังก้าวไปสู่ช่วงอายุจริงในเรื่องอย่างเมยลินที่อายุ 13 ปี ในเรื่องจึงมีการพูดถึงเรื่อง การมีประจำเดือน, การเริ่มสนใจเรื่องความรักในรูปแบบที่มากกว่าเพื่อนรึครอบครัว และนอกจากนี้ยังมีเรื่องการไม่เข้าใจกันระหว่างแม่และลูก ความสัมพันธ์ของคนรอบตัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เราจำเป็นต้องค่อยๆ ปรับ และทำความเข้าใจไปด้วยกัน ดังนั้นวัยที่ควรดูจึงควรจะให้โตในระดับหนึ่งก่อน และดูพร้อมกับพ่อแม่ จะยิ่งทำให้เข้าใจกันมากขึ้นค่า
จุดดีของเรื่อง
เรื่อง turning red เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดความเป็นครอบครัวของคนเอเชียได้ออกมาอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการกินข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา, ความเชื่อเรื่องบรรพบุรุษ แต่สิ่งเหล่านั้นก็ยังไม่ใช่เพียงจุดเดียวที่ทำให้เรื่องแพนด้าแดงเป็นที่กล่าวถึง แต่นั่นเพราะว่า มันมีเรื่องราวที่เราควรจะเรียนรู้ในการเข้าใจลูกของเราจากเรื่องนี้ และทำให้ลูก ได้รู้ในมุมมองของคนเป็นพ่อแม่ว่ารู้สึกอย่างไรซึ่งสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
- สอนให้รู้จักการให้อิสระลูก เพราะลูกของเราไม่มีวันที่จะเป็นเด็กในความดูแลของเราตลอดไป เราต้องรู้จักที่จะปล่อยวาง และยอมรับความเปลี่ยนแปลงนั้นของเขา ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง
- มิตรภาพเกิดขึ้นได้เสมอ ในเรื่องนี้สิ่งสำคัญที่เป้นกำลังใจให้กับเมยลินก็คือเพื่อน ไม่ว่าจะต้องพบเจอกับอะไร หรือมีเรื่องให้ขุ่นเคืองกัน เพื่อนที่ดีก็พร้อมที่จะเปิดใจรับฟังกัน และรุ้จักการให้อภัยเสมอเมื่อมีใครทำผิด
- ไม่ตัดสินความชอบคนอื่น ในเรื่องนี้สิ่งที่เห็นได้ชัดอีกอย่างเลยก็คงไม่พ้นเรื่องการความชอบในตัวนักร้องของเมย ที่มันไม่ใช่เพียงความชอบแต่รวมไปถึงความมุ่งมั่น และความทุ่มเทที่เธอมีต่อสิ่งที่เธอชื่นชอบซึ่งเรื่องนี้เอง ก็ทำให้เราได้รู้ว่า เราไม่ควรตัดสินความชอบของใครว่ามันคือเรื่องไร้สาระ เพราะทุกๆ คนมีสิทธิ์ในการเลือกทำในสิ่งที่ตนชอบ
เรื่องที่ต้องระวัง
- มีการใช้คำทำร้ายจิตใจ แน่นอนว่าเพราะตัวละครในเรื่องมีมุมมอง และนิสัยที่หลากหลายจึงจะทำให้เราเห็นบ้างว่าบางตัวใช้คำพูดไม่เหมาะสม หรือแม้แต่ตัวคุณแม่ของเมยเองที่ชอบพูดจาทำร้ายจิตใจเมย และเพื่อนๆ ของเมยไม่รู้ตัว
- การกลั่นแกล้ง เราจะเห็นได้ชัดว่าในเรื่องมีการบูลลี่ หรือรังแกเพื่อสร้างความอับอายไม่ว่าจะเป็นการล้อที่เป็นลูกแหง่ ล้อเลียนสิ่งที่ชอบ ดังนั้น เป้นสิ่งที่เราต้องคอยสอนหรือบอกลูกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องดี และไม่ควรทำตามเลยแม้แต่น้อยเพราะอาจทำให้คนอื่นเสียความรู้สึกได้
- การใช้ความรุนแรง อย่างที่เรื่องนี้ได้ปูมาว่าเมยนั้นเมื่อไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จนกลายเป้นแพนด้า ซึ่งก้มีบางฉากที่เธอแปลงด้วยความโกรธจริงๆ และมีการทำร้ายร่างกายคนอื่น ในส่วนนี้จะต้องได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครองว่าควรหรือไม่ควรในสถานการณ์ใด