คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่คงมีความกังวลในการเลี้ยงลูกอยู่ไม่น้อย เพราะในสภาพสังคมปัจจุบันมีสิ่งเร้าต่างๆ มากมาย หลายครอบครัวเกิดคำถามว่าควรเลี้ยงลูกอย่างไรถึงจะดีหรือเหมาะสมที่สุด มีการศึกษาค้นคว้า หาเคล็ดลับใหม่ๆ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการเลี้ยงลูก รวมไปถึง “เทคนิคการเลี้ยงลูกตามหลัก 5L” เป็นเทคนิคการเลี้ยงลูกเชิงบวก ที่ทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้แนะนำแนวทางนี้ให้กับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ เพื่อเป็นแนวทางในการเลี้ยงลูกโดยได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าได้ผลดีกว่าการเลี้ยงลูกในเชิงลบค่ะ โดยหลักของ 5L มีดังนี้
ข้อที่ 1 “Love” การให้ความรัก
ฟังดูเหมือนง่าย แต่กลายเป็นปัญหาของเด็กมากที่สุด เพราะพ่อแม่มักมีปัญหากับการแสดงความรักต่อลูก เช่น การบังคับหรือควบคุมลูก ซึ่งเด็กอาจจะรับรู้ได้ว่าพ่อแม่รักเรา แต่วิธีนี้จะทำให้ลูกรู้สึกอึดอัดและไม่กล้าเปิดใจคุยกับพ่อแม่ เป็นต้น ธรรมชาติของเด็กจะรับรู้ความรักผ่านการให้เวลากับเขา เล่นกับเขา หอม กอด กาาทำกิจกรรมร่วมกัน สำรวจตัวเองว่าให้เวลากับลูกพอหรือยัง อย่าจ้องแต่ปรับพฤติกรรมหรือสร้างวินัยให้ลูกเพียงอย่างเดียว
ข้อที่ 2 “Learn” ฝึกการเรียนรู้
ฝึกให้ลูกได้เรียนรู้ คิดวิเคราะห์เป็น และลงมือทำ ซึ่งจะส่งผลให้ Executive Functions (กระบวนการทางความคิดในสมองส่วนหน้า ที่เกี่ยวข้องกับการคิด ความรู้สึกและการกระทำ) ทำงานได้เป็นอย่างดีโดยสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้จากการเล่น โดยเฉพาะ การเล่นแบบอิสระ (Free Play) จะช่วยพัฒนาสมองส่วนหน้า เสริมสร้างจินตนาการเช่น ปั้นดินน้ำมัน เล่นดนตรี เล่นกีฬา เป็นการฝึกโฟกัส ฝึกความพยายาม ฝึกการวางแผนและคิดวิเคราะห์ ฝึกการอดทนรอคอย นอกจากนี้ ยังสามารถเรียนรู้ผ่านการท่องเที่ยวได้อีกด้วย เช่น ให้ดูแลตั๋วของตนเอง หากตั๋วหายต้องทำอย่างไร ฝึกความระมัดระวังให้กับเด็ก เป็นต้น
ข้อที่ 3 คือ “Limit” ตั้งกติกา
พ่อแม่ต้องสร้างกติกา ฝึกวินัยเชิงบวก โดยไม่ขู่ให้ลูกกลัว บังคับ หรือใช้กำลัง การที่ฝึกวินัยเชิงลบ โดยฝึกแบบเข้มงวด ใช้กำลังเข้าข่ม บ่นด่า เป็นวินัยที่เกิดจากความกลัว วินัยแบบนี้จะทำลายสัมพันธภาพของพ่อแม่กับลูก ควรฝึกวินัยลูกด้วยการควบคุมตัวเองจากภายใน ไม่ใช้อารมณ์ฉุนเฉียว การฝึกวินัยแบบนี้ลูกจะเกิดความเข้าใจว่าทำไมต้องทำตามวินัย และวินัยก็จะอยู่กับเขาตลอดไป ยกตัวอย่างเช่น ให้ทางเลือก ทำให้เขามีตัวตน ควรฝึกตั้งคำถามเก่งๆ เช่น เปลี่ยนจาก จะเก็บของเล่นหรือไม่เก็บ เป็นจะเก็บของเล่นเองหรือให้แม่ช่วย สร้างข้อตกลง ถ้าเล่นแล้วเลิกเมื่อไหร่ ถ้าไม่เลิกเกิดอะไรขึ้น เช่น ถ้าหมดเวลาเล่นแล้วไม่เลิกเล่น พรุ่งนี้งดเล่น 1 วัน ฝึกให้เรียนรู้ผลตามธรรมชาติ เช่น ฝึกให้ทานข้าว มีเวลา 30 นาที ทานก็ได้ไม่ทานก็ได้ แต่หากหมดเวลาแล้วก็จะไม่มีอะไรให้ทาน เด็กจะได้เรียนรู้ถ้าไม่ทานก็จะหิว ต่อไปเขาก็ทานตามเวลา ฝึกให้รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น เช่น ทำน้ำหก ต้องหาผ้ามาเช็ดเอง เป็นต้น
ข้อที่ 4 คือ “Let them grow” การให้อิสรภาพ
เป็นสิ่งสำคัญนอกจากการให้ความรักและการสร้างวินัย การให้อิสรภาพ ไม่ใช่การปล่อยปละละเลย แต่คือการปล่อยมือในบางครั้งเพื่อให้เด็กได้มีก้าวย่างของตัวเอง ปล่อยให้ล้มบ้าง เพื่อเรียนรู้ที่จะลุก และเมื่อเด็กนำปัญหามาเล่าให้ฟัง อย่าฟังเพื่อสั่งสอนอย่างเดียว เด็กแค่ต้องการผู้รับฟัง เพราะผู้ใหญ่ไม่ค่อยฟัง จ้องแต่จะสอน เด็กเลยไม่ค่อยเล่าอะไรให้ผู้ใหญ่ฟัง ควรรับฟังเขาด้วยหัวใจเพราะการเรียนรู้ที่ง่ายที่สุดของเด็ก คือการเรียนรู้จากความผิดพลาดนั่นเองค่ะ
ข้อที่ 5 คือ “Let it be” การปล่อยวาง
ให้เข้าใจว่าลูกไม่ใช่ของเรา ควรปล่อยให้เขามีชีวิตของตัวเองบ้าง เราสามารถช่วยเหลือทำให้เขาเติบโตได้ แต่ไม่ควรใช้การบังคับหรือการควบคุมเด็ก เพราะการเติบโตของเด็กไม่ได้มาจากพ่อแม่เพียงอย่างเดียว ยังมีสภาพแวดล้อมอีกหลายอย่างที่มีผลต่อการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก
เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรเลี้ยงดูลูกด้วยความเข้าใจ รับฟังลูก โดยใช้วิธีการเลี้ยงลูกเชิงบวกที่ได้กล่าวมาข้างต้น ซึ่งจะทำให้เด็กเติบโตอย่างมีความสุขและมีคุณภาพค่ะ
- ที่มา – oknation
- ภาพจาก – IG @tataamitayoung