Parents One

เคล็ดลับการทำอาหารให้ลูกทาน

 

การที่คุณแม่ทำอาหารให้ลูกทานด้วยตัวเองนั้น เป็นผลดีกับลูกแน่นอน เพราะมั่นใจได้ว่าลูกได้ทานสิ่งที่ดีที่สุดจากมือคุณแม่เอง จะมีเคล็ดลับอะไรบ้างที่ทำอาหารให้ลูกทานได้ง่ายบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

ศึกษาและเตรียมตัวให้ดี

คุณแม่ลองศึกษาวิธีทำอาหารรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือคลิปบนยูทูป เพื่อทำให้รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง แล้วใช้อุปกรณ์อะไรดี

ตรวจเช็คอุปกรณ์ให้พร้อม

ก่อนคุณแม่เริ่มทำอาหารทุกครั้ง ให้ตรวจเช็คอุปกรณ์เหล่านี้ก่อนว่ามีพร้อมหรือไม่ เช่น ไมโครเวฟ หม้อนึ่ง เครื่องปั่น เป็นต้น เพื่อเวลาทำอาหารจะได้ไม่ติดปัญหาให้กังวลใจค่ะ

เลือกอาหารให้เหมาะสมกับวัย

การเลือกอาหารที่เหมาะสมกับวัยก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกันค่ะ เช่น แครอท มันฝรั่ง อโวคาโด นำมาบดให้ละเอียดก่อนให้ลูกรับประทาน คุณแม่จำเป็นต้องเริ่มจากอาหารกลุ่มผักก่อน จากนั้นค่อยเปลี่ยนมาเป็นพวกผลไม้ เช่น ลูกพีช ลูกแพร์ ส้ม กล้วย แตงโม แอปเปิ้ล อาหารเหล่านี้นำมาล้างน้ำนำเม็ดออกให้ดี และเริ่มทำการบดหรือปั่นได้เลยค่ะ

เลือกวัตถุดิบอย่างดี

การเลือกวัตถุดิบถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าเลือกวัตถุดิบดี อาหารก็จะดีตามไปด้วย เมื่อคุณแม่ให้ลูกกินอาหารที่ดี กินของที่มีประโยชน์แล้ว สุขภาพลูกก็จะดี พอลูกแข็งแรงก็จะพร้อมสำหรับการเรียนรู้ มีพัฒนาการตามวัยที่เหมาะสมของลูกนั่นเองค่ะ

หลีกเลี่ยงอาหารที่แข็ง บดหยาบ หรือพวกเครื่องเทศต่างๆ

ตอนนี้ลูกยังไม่พร้อมสำหรับการกัดอาหารที่มีลักษณะแข็ง บดหยาบ หรือพวกเครื่องเทศต่าง ๆ ดังนั้นอาหารที่คุณแม่ทำให้ลูกทานควรเป็นอาหารที่เป็นรสธรรมชาติจริงๆ ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องปรุงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะระบบย่อยอาหารและกระเพาะอาหารของลูกยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์เท่าผู้ใหญ่ และเพื่อไม่ให้ลูกติดรสชาติอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไปนั้นเองค่ะ

ลองทำน้ำซุปดูบ้าง

ซุปเป็นอาหารที่เหมาะมากสำหรับเด็กที่จะเริ่มกินอาหารเสริม โดยคุณแม่ไม่จำเป็นต้องเคี่ยวน้ำซุปทุกวันหรือทั้งคืน เพราะของเหล่านี้คุณแม่สามารถทำเก็บแช่แข็งไว้ได้หลายวัน พอจะให้ลูกทานก็เพียงแค่ใส่ไมโครเวฟอุ่นก็ได้ทานแล้วค่ะ

ตกแต่งให้สวยงาม

การตกแต่งอาหารให้สวยงามจะทำให้อาหารดูน่ากิน แล้วทำให้ลูกอยากกินมากยิ่งขึ้น อาจจะลองใช้แม่พิมพ์ตัวการ์ตูน ผักสีสดใส ชามน่ารักๆ มาใช้ในการตกแต่งได้ค่ะ

และนี่เป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่อยากทำอาหารให้ลูกค่ะ ลองทำกันดูนะคะ

ที่มา