ช่วงวัยก่อน 3 ขวบ หรือก่อนที่เด็กๆ จะเข้าวัยอนุบาล เป็นช่วงวัยที่สามารถจำสิ่งต่างๆ ได้บ้างแล้ว ดังนั้นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมความพร้อมก่อนเข้าโรงเรียนอนุบาล นอกเหนือจากการเลือกโรงเรียนที่ดีแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรจะต้องฝึกวินัยและฝึกให้เขาช่วยเหลือตัวเองได้ด้วย เพื่อที่เด็กๆ จะได้ไปโรงเรียนแบบที่พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้นเองค่ะ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
การที่ปล่อยให้ลูกดูดขวดนมนานเกินไปจะทำให้หนูน้อยฟันไม่สวย แถมยังทำให้หนูน้อยฟันผุอีกด้วยนะคะ วิธีที่จะฝึกให้หนูน้อยเลิกขวดนม คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องลดปริมาณการดูดของลูกให้น้อยลง อาจจะดูดจากขวดในตอนกลางคืนเท่านั้น หรืออาจจะฝึกให้เขาดูดนมจากหลอดแทนการดูดจากขวดก็สามารถทำได้นะคะ
เนื่องจากเด็กๆ วัยก่อนเข้าอนุบาล หรือช่วงวัย 1-3 ขวบ มีกล้ามเนื้อมือที่แข็งแรงมากขึ้น เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกให้เขาใช้ช้อนส้อมกินข้าวเองได้แล้ว แต่การกินของเด็กๆ อาจจะยังไม่คล่องตัว คุณพ่อคุณแม่ก็อย่าไปคาดหวังมากกับเรื่องระเบียบการกินนะคะ เขาจะกินเลอะกินเทอะไปแต่เด็กๆ ก็จะสนุกกับการฝึกทานอาหารเองค่ะ
สำหรับการฝึกเด็กๆ แปรงฟันในช่วงวัยก่อนเข้าโรงเรียนถือว่าจำเป็นอย่างมาก คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะคิดว่าลูกของเรา ยังเด็กๆ เกินไปกว่าที่จะแปรงฟันเอง แต่หากเด็กๆ ยังแปรงฟันเองไม่ได้ก็จะกลายเป็นปัญหาเมื่อเขาต้องไปโรงเรียนนะคะ เขาจะกลายเป็นเด็กขาดความมั่นใจไปเลยก็ได้นั้นเองค่ะ วิธีง่ายๆ สำหรับการฝึกเด็กๆ แปรงฟันนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรจะยืนอยู่ข้างๆ เขาขณะแปรงฟัน หยิบแปรงสีฟันและยาสีฟันมาบีบเพื่อให้เขาเห็นขั้นตอนการทำ อาจจะแปรงพร้อมลูก แล้วให้เขาทำตาม ช่วงแรกๆ อาจจะต้องช่วยเด็กๆ แปรงก่อน จากนั้นค่อยๆ ลดระดับการช่วยเหลือให้น้อยลงนั้นเองค่ะ
แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องแปรงฟันซ้ำให้ลูกจนถึงอายุ 7 ขวบนะคะ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุค่ะ เพราะแน่นอนว่าเด็กๆ อาจแปรงฟันเองได้ไม่สะอาดพอนะคะ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจแปรงฟันซ้ำให้ลูกก่อนนอนก็ได้ค่ะ
คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องมีลูกเล่นลูกชนกับเด็กๆ สักหน่อย อาจจะหาของเล่นมาหลอกล่อ หรือหาอุปกรณ์ที่เป็นสีสันอย่างเช่น บันไดที่ปีนขึ้นไปนั่งบนชักโครก เพราะเด็กๆ ชอบปีนป่ายอยู่แล้ว และเด็กๆ ก็มักจะเห็นคุณพ่อคุณแม่นั่งเป็นประจำ พอเห็นบันไดสีสันสดใสแบบนี้ เขาก็จะรีบปีนขึ้นไปเองเวลาอยากเข้าห้องน้ำ หรือคุณพ่อคุณแม่อาจจะอธิบายให้เขาเข้าใจก่อนว่าห้องน้ำคืออะไรแล้วพาเขาไปนั่งบนชักโครก พร้อมกับทำเสียง “ฉี่…” อาจจะพาเขาไปช่วงหลังตื่นนอนตอนเช้าหรือหลังการอนอนตอนกลางวัน แต่สิ่งสำคัญห้ามดุลูกนะคะ ค่อยๆเป็นค่อยๆ ไปค่ะ
เป็นการส่งเสริมให้เด็กๆ รู้จักดูแลและช่วยเหลือตัวเอง และยังเป็นการฝึกให้เด็กๆ รู้จักความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองอีกด้วย โดยง่ายๆ เลยคือ คุณพ่อคุณแม่ควรจะเป็นตัวอย่างในการอาบก่อนก่อนที่จะปล่อยให้เด็กๆ อาบด้วยตัวเอง แสดงให้เขาเห็นว่าการอาบน้ำไม่ใช่เรื่องยากเลย บอกวิธี และการใช้ครีมอาบน้ำต่างๆ ว่าควรใช้กับส่วนไหนของ่างการ รวมถึงการเช็ดตัวให้แห้งด้วยนั้นเอง หรืออีกวิธีนึงก็คือ พาเด็กๆ ไปเลือกของใช้ที่เป็นอุปกรณ์อาบน้ำน่ารักๆ สำหรับเด็กๆ มีตัวช่วยง่ายๆ อาจจะเป็นของเล่นน้ำ หรือสอนร้องเพลงที่เกี่ยวกับการอาบน้ำ ก็เป็นการฝึกให้เด็กๆ ได้ช่วยเหลือตัวเองอีกวิธีหนึ่งนะคะ
การฝึกเด็กๆ แต่งตัวอาจจะทำได้ในช่วงอายุประมาณ 2 ขวบ เพราะช่วงอายุนี้เขามักจะอยากทำอะไรด้วยตัวเองแบบง่ายๆ เทคนิคง่ายๆ ก็คือคุณพ่อคุณแม่ควรจะเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้แต่งตัวเองบ้าง ให้เขาเลือกเสื้อผ้าใส่เอง ซึ่งถ้าฝึกตั้งงแต่เด็กเล็กๆ เขาก็จะชินจนทำเป็นกิจวัตรประจำวันนั้นเองค่ะ หรือในเวลาที่เขาทำไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องให้กำลังใจลูกด้วยนะคะ ชมเชยเขาเวลาใส่หรือถอเสื้อผ้าได้ เมื่อเวลาที่เขาแต่งตัวได้อย่างถูกต้องนั้นเองค่ะ
คุณพ่อคุณแม่ต้องระลึกเสมอว่า ต้องพยายามหัดให้เขาแก้ปัญหาเองให้เป็น โดยเทคนิคง่ายๆ เลยนั้นก็คือ คุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามเลือกรองเท้าที่ถอดและสวมใส่ง่ายๆ ก่อนค่ะในการฝึกลูก หรือให้เขาได้ลองสวมลองถอดรองเท้าเองด้วยตัวเองบ่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ สักพักหนูๆ ก็จะทำเป็นเองไม่ต้องห่วงนะคะ
เด็กๆ มักจะเอาแต่ใจงอแงเสมอ แต่ยังไงคุณพ่อคุณแม่ถ้าต้องการฝึกให้เขาเป็นคนอดทนและรู้จักรอคอยแล้วละก็ เราต้องห้ามคิดว่าลูกเราไม่น่าจะทำไหว แล้วรีบเข้าไปช่วย ถ้าทำเช่นนี้จะทำให้เด็กๆ กลายเป็นคนที่ไม่พยายามทำอะไรด้วยตัวเอง เวลาเจอเรื่องยากๆ ก็จะให้คนอื่นทำให้ ไม่รู้จักอดทนนั้นเองค่ะ หรือบางครั้งเมื่อเด็กๆ อยากได้อะไร คุณพ่อคุณแม่ก็มักจะหามาให้เสมอ ซึ่งบางครั้งเราก็จะให้เขาทุกอย่างไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้เด็กๆ รู้จักการรอคอย ใช่ว่าอยากได้อะไรต้องได้เสมอ ให้เขารู้สึกขาดแคลอนบ้าง เพื่อให้รู้รสชาติของชีวิตนะคะ และที่สำคัญการสร้างวินัยให้กับลูก การทำข้อตกลงกัน ก็เป็นการฝึกลูกได้ดีทีเดียวค่ะ