เราไม่ได้เหนื่อยเพียงลำพัง
แต่คู่ชีวิตของเราจะอยู่เคียงข้างและฝ่าฟันความยากลำบากไปด้วยกันเสมอ
เป็นปกติของชีวิตคู่ที่ต้องแบกรับแบกส่งกันไปเมื่อมีสักขีพยานรักเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในชีวิต ภาระและหน้าที่ในแต่ละวันก็จะหนักขึ้นตามไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในบททดสอบอันยิ่งใหญ่เลยทีเดียวกับการประคับประคองความเป็นอยู่ของครอบครัวเลยทีเดียว
คุณแม่ต้องคอยเป็นที่พึ่งพาของลูก ดูแลทั้งงานส่วนตัวและงานบ้าน คุณพ่อเองก็ต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายภายในบ้านรวมถึงปูอนาคตให้กับครอบครัวและเจ้าตัวน้อยที่จะได้มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเติบโตขึ้น
ความเครียดจึงเกิดได้ง่ายๆไม่ว่าจะเป็นกับของคุณแม่หรือคุณพ่อ
โดยปกติแล้วฝ่ายภรรยามักจะเป็นฝ่ายที่ต้องเลี้ยงลูกและอยู่บ้านบ่อยกว่าฝ่ายสามี จึงทำให้สามารถจัดสรรเวลาในการคลายเครียดของตนได้สะดวกกว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน, เวลาพักผ่อนรวมไปถึงการหากิจกรรมนันทนาการทำร่วมกับลูกก็ถือเป็นการคลายเครียดได้รูปแบบหนึ่งแต่กับสามีหรือคนเป็นพ่อที่ทำงานเต็มเวลาและกลับบ้านดึกดื่นล่ะ? มีวิธีคลายเครียดอย่างไรบ้างในการรับภาระแล้วความรับผิดชอบในแต่ละวัน
ทางParents One จึงจะมาแนะนำวิธีที่นอกจากคุณแม่จะได้คลายเครียดด้วยตนเองแล้วจะช่วยคุณพ่อคลายเครียดได้ด้วยค่ะ
สเน่ห์ปลายจวัก
“เย็นนี้อยากทานอะไร”
“มีเจ้าประจำร้านไหนที่อยากทานมั้ย? เดี๋ยวจะสั่งรอไว้ให้ “
แน่นอนอยู่แล้วว่าทุกบ้านย่อมมีแม่ครัวมือหนึ่งประจำอยู่ซึ่งก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนางฟ้าผู้เป็นทั้งแม่และภรรยาในคนเดียวกันซึ่งมื้ออาหารที่ทำให้คุณพ่อทานอาจไม่จำเป็นจะต้องเป็นอาหารที่หรูหรือราคาแพงแต่เปลี่ยนเป็นถามถึงเมนูที่อยากทานหรือร้านโปรดที่ชื่นชอบเตรียมไว้ เพียงเท่านี้คุณพ่อก็รู้สึกชื่นอกชื่นใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวที่คุณแม่ใส่ใจเรื่องอาหารการกินของเขา
แถมการทำแบบนี้ยังเป็นการช่วยให้คุณพ่อรีบกลับบ้านให้เร็วขึ้นเพื่อมาทานอาหารฝีมือคุณแม่หรือรีบกลับมาทานอาหารที่สั่งไว้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว สานความสัมพันธ์กันให้มากขึ้นไปอีกระดับ
พักชมสิ่งที่น่าสนใจ
“ซี่รี่ส์นี้พึ่งมาใหม่ พ่ออยากดูมั้ยแม่จะโหลดไว้ให้”
“วันศุกร์นี้มีฟุตบอลทีมที่พ่อชอบแข่งด้วยนะ รีบกลับมาดูล่ะเดี๋ยวแม่ทำของว่างไว้ด้วย”
เมื่อชีวิตที่ทำงานมาตลอดทั้งวันของคุณพ่อต้องพบเจอกับความเครียด, ลูกค้าหรือแม้แต่กองเอกสารที่กำจัดไปเท่าไหร่ก็ไม่หมดย่อมทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายและอยากที่จะมีกิจกรรมผ่อนคลาย การได้ดูรายการโทรทัศน์เรื่องโปรดหรือความบันเทิงต่างๆทางหน้าจอก็เป็นหนึ่งในทางออกที่ดีไม่แพ้ใครและยิ่งได้คุณแม่ที่รู้ใจไปเสียหมดว่าคุณพ่อชอบหรือไม่ชอบเรื่องอะไรพร้อมทั้งคอยจัดแจงเวลาให้เขาได้พัก เชื่อเถอะว่าความเอาใจใส่นี้จะส่งผลดีทั้งคู่เราและความแน่นแฟ้นของครอบครัวจนอาจกลายเป็นกิจกรรมหลักที่ต้องมีสักวันที่คุณพ่อต้องรีบกลับเราๆมาใช้เวลาอยู่หน้าจอโทรทัศน์พร้อมภรรยาและลูก
กิจกรรมคู่เพื่อผ่อนคลาย
“ให้แม่นวดให้มั้ย”
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการสัมผัสกันด้วยเรือนร่างก็เป็นหนึ่งในการคลายเครียดที่ได้ประสิทธิภาพสูงสุดไม่ว่าจะเป็นการนวด, การหอมกอดหรือการมีเพศสัมพันธ์ ทุกอย่างล้วนทำให้ความเครียดสะสมถูกบำบัดให้น้อยและเบาลงได้ไปตามช่วงอารมณ์ของความสุข
หลังการมีเจ้าตัวน้อยคู่ชีวิตส่วนมากมักจืดชืดลงเพราะต้องหันมาใส่ใจกับการดูแลสมาชิกใหม่ของบ้าน ดังนั้นคุณแม่จะต้องหาจังหวะเวลาสักคืนของสัปดาห์หรือเดือนในการเติมความหวานปนเร่าร้อนให้กับคุณพ่อเพราะไม่ใช่เพียงเขาที่ได้ผ่อนคลายแต่คุณแม่เองก็จะได้มีช่วงปลดปล่อยอารมณ์ตนเองอีกด้วย
เอาใจเขามาใส่ใจเรา
“แม่รู้ว่าพ่อก็เหนื่อย มีอะไรพ่อบอกแม่ได้นะ”
“วันนี้ที่ทำงานเป็นยังไงบ้างพ่อ ระบายกับแม่ได้นะจ๊ะ”
โดยปกติแล้วตามธรรมชาติของคนเป็นพ่อมักจะแบกรับความรับผิดชอบต่างๆในบ้านไว้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินที่ต้องเป็นคนหลัก, รับผิดชอบในหน้าที่การงานและยิ่งตำแหน่งสูงขึ้นหรือได้รับภาระจากบริษัทหรือธุรกิจที่ทำอยู่ก็ยิ่งมีสิ่งที่ต้องดูแลมากขึ้นไปอีกไม่ใช่แค่เรื่องภายในครอบครัว คุณแม่เองที่มีเรื่องให้เหนื่อยมาทั้งวันย่อมเป็นคนที่รู้ดีที่สุดถึงความลำบากของคุณพ่อว่าการจัดการทุกอย่างให้เป็นได้ดั่งใจไม่ใช่เรื่องง่าย
ฉะนั้นการถามไถ่หรือเพียงพูดคุยกันถึงเรื่องราวในแต่ละวันให้คุณพ่อได้บอกกล่าวหรือเล่าถึงสิ่งที่ทำให้อึดอัดรึเป็นปัญหาก็เป็นการช่วยลดความเครียดให้เขาได้และทำให้เกิดความรู้สึกดีๆให้กันอีกที่ต่างคนต่างเอาใจใส่ในชีวิตอีกด้านของอีกฝ่าย
การให้อิสระ
“วันนี้จะไปสังสรรค์กับเพื่อนหลังเลิกงานก็ได้นะ”
“เสาร์,อาทิตย์นี้พ่ออยากไปเจอเพื่อนรึเปล่า ไปเที่ยวได้แม่ไม่ว่า นานๆเจอกันที”
ประโยคบอกเล่าง่ายๆที่อาจทำใจได้ยากตอนพูดแต่เชื่อเถอะว่าถ้าได้ลองให้โอกาสสามีหรือคุณพ่อแสนอ่อนล้าได้ไปผ่อนคลายกับเพื่อนฝูงหรือได้ออกไปแลกเปลี่ยนความเห็นต่างๆกับเพื่อนบ้าง เขาจะกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีเพราะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาและพบเจอผู้คนในสังคมอื่นๆบ้างและเวลาเดียวกันคุณแม่ก็อาจจะใช้โอกาสนี้ได้ออกไปพบปะเพื่อนสาวหรือตระเวนซื้อของชอปปิ้งเช่นกันตามประสาผู้หญิงที่รู้ใจกันไปหมดในเรื่องการหยิบจับของสวยๆงามๆติดมือกลับบ้าน
ที่สำคัญมันแปลได้ว่าคู่รักได้มีความไว้ใจให้ในการใช้อิสระในแบบของตน เมื่อเป็นแบบนี้แล้วความรักก็จะมีระยะห่างที่เหมาะสมแล้วส่งเสริมให้ความหวานชื่นยืนยาวยิ่งขึ้น
หัวใจหลักของชีวิตคู่คือการเอาใจใส่ ไม่ว่าเราจะเหนื่อยหรือท้อแท้สักเพียงไหน ความสัมพันธ์ทุกอย่างจะดีขึ้นได้เมื่อต่างคนต่างไม่สาดอารมณ์เครียดใส่กัน พยายามทำความเข้าใจและเรียนรู้ถึงความเหนื่อยล้าของคนรักและที่ห้ามลืมเด็ดขาดคืออย่าลืมความสำคัญของคนที่รออยู่ที่บ้านและอย่าลืมให้กำลังใจคนที่ต้องออกไปนอกบ้านทุกวัน
เพราะชีวิตรักจะยั่งยืนและหวานชื่นไปอย่างยาวนานได้ก็ต้องอาศัยความห่วงใยที่มีให้กันและกันนี่แหละเป็นแรงขับเคลื่อน