เชื่อเลยว่าถ้าพูดถึงน้ำตาล คุณแม่ๆ ทุกคนอาจจะนึกถึงสิ่งที่ให้รสชาติหวาน แถมยังทำให้คุณแม่ๆ อ้วนอีกต่างหาก แต่รู้ไหมว่าเจ้าน้ำตาลที่หลายคนนึกถึงแต่โทษ ก็มีประโยชน์มากมายเช่นกัน วันนี้ทาง Parentsone จึงจะมาบอกความลับของน้ำตาลที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่ามันมีประโยชน์แค่ไหน ไปดูกันเลย
มารู้จักน้ำตาลกัน
น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (Monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (Disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มาจากอ้อย มะพร้าว ซึ่งน้ำตาลจะมีด้วยกันอยู่ 10 ประเภทได้แก่
- น้ำตาลทรายดิบ (Raw Sugar) : เป็นน้ำตาลที่ใช้ส่งออกเพื่อจำหน่ายต่างประเทศ หรือเก็บไว้เป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำตาลทรายขาว โดยน้ำตาลนี้จะมีสีเข้ม และมีความบริสุทธิ์ต่ำนั่นเอง
- น้ำตาลทราบดิบคุณภาพสูง (High Pol Sugar) : เป็นน้ำตาลทรายที่ผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์บางส่วน สีจะเป็นสีเหลืองแกมน้ำตาล สามารถนำไปบริโภคได้โดยตรง แต่ไม่นิยมยกเว้นประเทศที่กำลังพัฒนาและมีกำลังซื้อค่อนข้างต่ำ
- น้ำตาลทรายขาว (White Sugar) : เป็นน้ำตาลที่มาจากการสกัดเอาสิ่งเจือปนออกจากน้ำตาลทรายดิบ และเป็นที่นิยมในการบริโภค
- น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ (Refined Sugar) : เป็นน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการผลิตเหมือนน้ำตาลทรายขาว แต่มีความบริสุทธิ์มากกว่า เม็ดมีสีขาวใส และนิยมนำมาใช้มาก เช่น เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม เครื่องzดื่มบำรุงกำลัง รวมถึงอุตสาหกรรมยา เป็นต้น
- น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ (Super Refined Sugar) : เป็นน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการผลิตเหมือนน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ แต่มีความบริสุทธิ์มากกกว่า นิยมใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้น้ำตาลที่มีความบริสุทธิ์มากๆ เป็นส่วนประกอบ
- น้ำตาลปี๊บ (Paste Sugar) : เป็นน้ำตาลที่ได้จากการเอาน้ำตาลทรายขาวมาเคี่ยวจนมีความเข้มตามที่กำหนด แล้วนำไปบรรจุขณะยังร้อนและผึ่งให้น้ำตาลแข็งตัวโดยใช้ลมเย็น
- น้ำตาลทรายแดง (Brown Sugar) : เป็นน้ำตาลที่ได้จากการเอาน้ำตาลดิบมาละลายกับน้ำอ้อยใสและน้ำเชื่อมดิบในอัตราส่วนที่กำหนด
- น้ำเชื่อม (Liquid Sugar) : เป็นน้ำตาลที่ได้จากการแปรสภาพจากผลึกของน้ำตาลเป็นน้ำเชื่อม มักจจะนำมาใช้เพื่อความสะดวกในกระบวนการผลิตต่างๆ เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น
- น้ำตาลแร่ธรรมชาติ (Mineral Sugar) : เป็นน้ำตาลที่ได้จากการผสมคาราเมลซึ่งได้มาจากการเคี่ยวน้ำตาลกับเอโมลาส ซึ่งมีแร่ธาตุธรรมชาติจากอ้อย จากนั้นจึงนำปผสมกับน้ำตาลทรายขาวตามสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้แร่ธาตุจากอ้อยที่สูญเสียไปกับกากน้ำตาลในกระบวนการตกผลึกของน้ำตาล กลับคืนสู่น้ำตาลนั่นเอง
- กากน้ำตาล (Molasses) : เป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาล มักจจะนิยมนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในภาพอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ การผลิตสุรา แอลกอฮอล์ ผงชูรส น้ำส้มสายชู เป็นต้น
ประโยชน์ของน้ำตาล
นอกจากการเพิ่มความหวานแล้ว เจ้าน้ำตาลยังมีประโยชน์อะไรกันบ้างนะ ?
- ช่วยลดความเครียด : เพราะน้ำตาลเป็นสารที่ให้ความหวานและให้พลังงานแก่ร่างกาย เมื่อรับประทานเข้าไปจะช่วยให้สมองหลั่งสารแห่งความสุขหรือเอ็นดอร์ฟินออกมา ลดความเครียดและทำให้สดชื่นได้เป็นอย่างดีนั่นเองค่ะ
- น้ำตาลทรายแดง จะช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีมากขึ้น
- สครับเพิ่มความชุ่มชื่นริมฝีปาก : โดยเฉพาะสูตรที่ผสมกับน้ำผึ้งที่เรียกได้ว่าเป็นสูตรที่เพิ่มความนุ่มชุ่มชื่นและลดอาการหมองคล้ำ
- สามารถใช้ถนอนมอาหารได้ : เพราะน้ำตาลเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการถนอมอาหาร ส่วนใหญ่ที่มักจะเห็นก็จะเป็นพวกผลไม้แปรรูปต่างๆ ที่มีรสหวาน เช่น การแช่อิ่ม การเคลือบหรือฉาบ นอกจากนี้ยังนำมาเป็นสารดูดความชื้นในกล่องขนมต่างๆ ได้อีกด้วย
- สามารถรักษาแผลที่เน่าเปื่อยได้ : ถ้าเป็นน้ำเชื่อมที่ได้จากน้ำตาลทรายขาวจะสามารถช่วยใช้เป็นยารักษาบาดแผลเน่าเปื่อยได้ เพราะน้ำเชื่อมสามารถเปลี่ยนสภาพเป็นกรดและด่างบริเวณปากแผลได้ ทำให้เซลล์ผิวหนังถูกกระตุ้น การไหลเวียนของโลหิตจึงทำงานได้ดีขึ้น และยังเป็นอาหารที่จะนำไปใช้เลี้ยงผิวหนังบริเวณนั้นด้วย บาดแผลจึงหาดเร็วขึ้นนั่นเอง
- ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน ปวดท้องน้อย : การดื่มน้ำผสมกับน้ำตาลทรายแดงอุ่นๆ 1 แก้วจะช่วบลดอาการปวดประจำเดือนได้ ทำให้ผู้หญิงอย่างเราสบายมากขึ้นค่ะ
- ช่วยให้ตื่นตัว : เพราะเจ้าน้ำตาลเป็นสารที่ให้ความหวานและให้พลังงานแก่ร่างกาย โดยน้ำตาล 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี ซึ่งมันจะช่วยให้คุณแม่ๆ รู้สึกสดชื่นตื่นตัวมากขึ้น อย่างเช่นหากเราดื่มอะไรหวานๆ ก็จะทำให้เรารู้สึกกระตือรือร้นพร้อมทำสิ่งต่างๆ มากขึ้นนั่นเองค่ะ
- น้ำตาลทรายขาว หรือน้ำตาลทรายกรวด จะช่วยรักษาอาการปากเป็นแผล มีอาการเจ็บคอ ไอมีเสมหะเหลืองได้
ถึงแม้น้ำตาลจะมีประโยชน์ที่คุณแม่ๆ บางคนอาจจะยังไม่เคยรู้ แต่หากรับประทานมากเกินไปมันก็ยังส่งผลเสียต่อร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็น ทำให้เราอ้วน มีโรคต่างๆ มากมาย อย่างโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ทำให้ฟันผุ อีกทั้งยังส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำให้ติดเชื้อได้ง่ายอีกด้วยค่ะ ยิ่งเป็นเด็กๆ ยิ่งต้องดูแลอย่างดีเลยนะคะ เพราะอาจจะทำให้เด็กๆ ฟันผุได้ด้วยนั่นเองค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://medthai.com, https://www.thaihealth.or.th
, http://www.mitrpholmodernfarm.com, https://sukkaphap-d.com