เมื่อแม่ตั้งครรภ์ได้เพียง 6 สัปดาห์ ทารกในครรภ์ก็เริ่มมีฟันอยู่ในเหงือกแล้ว ฟันจะค่อยแข็งขึ้นเมื่อมีแคลเซียมมาเกาะมากขึ้น ทารกแรกเกิดมีฟันน้ำนมครั้ง 20 ซี่ และมีฟันแท้ซึ่งเป็นฟันกราบ 4 ซี่ แต่ฟันทั้งหมดนี้ยังไม่โผล่พ้นเหงือก การดูแลให้ฟันลูกแข็งแรงจึงต้องเริ่มตั้งแต่แรกตั้งครรภ์ ไปดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ลูกน้อยของเราฟันแข็งแรงได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์
ทำไมระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่ควรดูแลฟันเป็นพิเศษ
- ช่วงตั้งครรภ์เกิดจากความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งมีผลกระทบต่อเหงือกและฟัน ทำให้เหงือกบวกอักเสบจนบางครั้งอาจไม่สะดวกต่อการแปรงฟัน
- คุณแม่แปรงฟันได้ค่อนข้างลำบากและอาจทำความสะอาดฟันได้ไม่ทั่วถึง เหตุนี้จึงทำให้เกิดฟันผุ
- คุณแม่อาเจียนที่มีอาการแพ้ท้อง อาเจียนทำให้กรดจากอาหารติดค้างฟันอยู่มาก บางรายอาจมีการแพ้กลิ่นยาสีฟันร่วมด้วย การทำความสะอาดช่องปากจึงเป็นไปไม่สะดวกนัก จึงก่อให้เกิดฟันผุตามมานั่นเอง
สุขภาพฟันแข็งแรงของแม่และทารก
1. ดูแลความสะอาดช่องปาก
คุณแม่ควรแปรงฟัน หรือบ้วนปากให้สะอาดทุกครั้งหลังทานอาหารและอาเจียน เพราะในช่วงที่คุณแม่อาเจียนออกมาหลายครั้งจากอาการแพ้ท้อง ทำให้กรดจากอาหารติดค้างฟันอยู่มากถ้าไม่รักษาความสะอาดให้ดีจะก่อให้เกิดฟันผุได้
2. กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อกระดูกและฟัน
รับประทานอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง อย่างเช่น อาหารที่มีแคลเซียมสูง ไข่ นม ผักใบเขียว ผลไม้ และควรหลีกเลี่ยงขนมหวานเพราะจะทำให้เกิดฟันผุได้ง่าย
3. ปรึกษาแพทย์เมื่อต้องใช้ยาระงับอาการปวดฟัน
เมื่อจำเป็นต้องใช้ยาระงับอาการปวดฟัน คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง เพราะยาบางชนิดมีผลกระทบต่อทารกในครรภ์
4. พบทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ
เมื่อตั้งครรภ์ คุณแม่ควรพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับคำแนะนำ รวมถึงการใช้ยาอย่างเหมาะสม สำหรับช่วงเวลา 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ไม่เหมาะแก่การทำฟัน เพราะจัดอยู่ในช่วงฮอร์โมนในร่างกายที่กำลังเปลี่ยนแปลง นอกเสียจากคุณแม่จะมีปัญหาติดเชื้อในช่องปาก หรือมีเหตุต้องเข้ารับการรักษาเร่งด่วนโดยเฉพาะในอาการที่คุณแม่ปวดฟันมากนั่นเอง
การมีสุขภาพปากและฟันที่ดี เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้คุณแม่และทารกมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน ดังนั้น เมื่อรู้วิธีการดูแลเรื่องช่องปากที่ดีแล้ว รับรองว่าจะไม่มีปัญหาทางช่องปากซึ่งอาจมีผลกระทบต่อทารกในครรภ์จนทำให้เกิดอาการฟันผุในยามที่เขาเติบโตตามมาด้วยอย่างแน่นอนค่ะ
ที่มา –