fbpx

ต๊กกะใจ! ปานสตรอว์เบอร์รี่ มาได้ไงบนผิวของเจ้าตัวเล็ก!

Writer : OttChan
: 15 ธันวาคม 2563

เวลาลูกน้อยของเราได้ออกมาดูโลกภายนอก คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจเคยสังเกตเห็นว่าของขวัญจากฟ้าของเราอาจจะมีจ้ำก้อนสีแดงสดเกิดขึ้นตามร่างกาย รูปร่างดูคล้ายก้อนเลือด ไม่รู้ว่าอันตรายรึเปล่า เกิดความผิดปกติอะไรขึ้นหรือไม่ ซึ่งอาการดังกล่าวนั้นทางการแพทย์เรียกว่า ปานสตรอว์เบอร์รี่( Strawberry Hemangioma, Strawberry Nevus ) ค่ะ

เหตุที่ได้ชื่อนี้เพราะว่ามีหน้าตาคล้ายผลสตอเบอรี่นั่นเองซึ่งตำแหน่งที่ปานชอบขึ้นได้แก่

  • ใบหน้า บนจมูก, ดวงตา, ปาก
  • ท้ายทอย
  • ศีรษะ
  • หน้าอก, หลัง

ปานสตรอว์เบอร์รี่นั้นเกิดขึ้นมาจากการจับตัวของเส้นเลือดฝอยที่อยู่รวมตัวกันมากเกินไป ทำให้เกิดการงอกหรือนูนออกมาจากผิวหนังจนกลายเป็นเนื้องอก แต่ถึงแบบนั้น ปานนี้ก็ไม่ใช่เนื้อร้ายหรือเชื้อของมะเร็งนะคะ ไม่อันตรายถึงขั้นนั้นซึ่งปานสตรอว์เบอร์รี่มีอยู่ 3 ประเภท นั่นก็คือ

  • อยู่ชั้นตื้น สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า สีแดงสด เห็นชัด
  • อยู่ชั้นลึก อยู่ใต้ผิวลงไป จะเห็นเป็นสีเขียว, สีน้ำเงินเหมือนสีเส้นเลือด
  • อยู่ระหว่างกลาง มองเห็นได้ด้านบนที่เป็นสีแลือดสดแต่ใต้ผิวเลยก็มีฝังอยู่ ไม่โผล่พ้นหมด

ปานสตรอว์เบอร์รี่อันตรายหรือไม่

โดยปกติแล้วปานสตรอว์เบอร์รี่นั้น ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงและสามารถหายไปเองได้เมื่อลูกน้อยเติบโตเหลือไว้แค่รอยจางๆ รึอาจไม่มีรอยเลย แต่หากตำแหน่งที่ขึ้นนั้นอยู่ในตำแหน่งเสี่ยงก็อาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่มากับเนื้องอกชนิดนี้ได้ซึ่งภาวะที่สามารถเกิดขึ้นนั้นแบ่งได้ดังนี้

  • เกิดการทำงานผิดปกติของร่างกาย หากก้อนปานเกิดขึ้นในโพรงจมูก, บนเปลือกตา, ในร่มผ้าที่เกิดการเสียดสี
  • ภาวะเลือดในร่างกายอาจไม่ไหลเวียนดีเท่าที่ควรเพราะมีกลุ่มเลือดไปกระจุกกันที่ตัวปาน และอาจทำให้เกล็ดเลือดต่ำ
  • หากปานแตกหรือกลายเป็นแผล อาจทำให้เสียเลือดมากเพราะเป็นจุดศูนย์รวมของการไหลเวียนของเลือด
  • อาจส่งผลให้อวัยวะภายในผิดปกติหากปานเกิดขึ้นในอวัยวะภายในร่างกายไม่ใช่ภายนอก เช่นเกิดขึ้นในหลอดลม, เกิดขึ้นในตับ

วิธีรักษาปานสตรอว์เบอร์รี่

ในกรณีที่ปานสตรอว์เบอร์รี่เริ่มสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตของลูกน้อยไม่ว่าจะเป็นขนาดที่ขยายใหญ่เกินไปจนน่าเป็นห่วง, ตำแหน่งที่เกิดขัดขวางการเจริญเติบโตของร่างกายรึขัดขวางการทำงานของระบบต่างๆ ก็จำเป็นต้องหาทางรักษาแต่ต้องได้รับการวินิจฉัยจากคุณหมอแล้วเท่านั้นว่า สมควรแก่การรักษาจึงทำการรักษาค่ะซึ่งวิธีรักษามีดังนี้

  • ให้ยาโพรพราโนลอล (Propranolol)  ช่วยให้ขนาดของปานเล็กลง, ไม่อักเสบหรือขยายขนาดขึ้น แต่ต้องดูความพร้อมของร่างกายลูกน้อยด้วยเพราะอาจมีผลข้างเคียงให้ความดันโลหิตต่ำ, ชีพจรเต้นช้า
  • ผ่าตัดศัลยกรรมให้ตัวปานหายไป ไม่ก่อให้เกิดเป็นรอยติดตัวไปจนโต ในกรณีที่ปานนั้นกลายเป็นก้อนผังผืด
  • ใช้เลเซอร์ยิง อันนี้สามารถทำได้ในกรณีปานนั้นอยู่บนชั้นผิว ไม่เสี่ยงอันตรายเพราะสามารถมองเห็นได้ง่าย, ไม่อันตรายในการรักษา
  • ใช้ความเย็นหรือไฟฟ้าในการจี้พื่อให้ตัวปานยุบลง

ที่มา : hellokhunmor , thaihealthpobpad

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



CAR SEAT กับเด็กแต่ละช่วงอายุ
ข้อมูลทางแพทย์
ลูกชอบพูดแทรก จะแก้อย่างไร
ชีวิตครอบครัว
Update
anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save