ความคาดหวังของคุณพ่อคุณแม่ในการเลี้ยงดูนอกจากการที่ลูกมีการเจริญเติบโตสุขภาพแข็งแรง พร้อมทำกิจกรรมต่างๆ รอบตัวแล้ว ยังต้องมีจิตใจที่พร้อมและเข็มแข็งด้วย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่จึงสรรหากิจกรรมมาช่วยให้เด็กๆ พัฒนาในสิ่งเหล่านั้น
กิจรรมยอดฮิตอันดับต้นๆ ที่เด็กๆ สนใจเลยนั้นก็คือ กีฬา นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว เมื่อเด็กๆ ได้รับการปลูกฝังเรื่องกีฬาตั้งแต่ยังเล็ก จะทำให้เขาเห็นความสำคัญของสุขภาพอีกทั้งยังทำให้เขาเป็นคนตั้งใจ มุ่งมั่น เหมือนกับโฆษณาใหม่ของไมโลที่ดูแล้วทำให้เด็กๆ เชื่อในคำว่า “กีฬาคือครูชีวิต”
ส่วนบทเรียนนอกตำราที่หล่อหลอมวิชาชีวิตให้กับเด็กๆ จะสอนอะไรให้กับเขาได้บ้างไปดูกันเลยค่ะ
-
รู้จักการร่วมมือกันเป็นกลุ่ม
ตัวอย่างเช่น กีฬาฟุตบอลซึ่งเป็นกีฬาที่ต้องเล่นกันเป็นกลุ่มไม่สามารถเล่นคนเดียวได้แน่นอน มีการรับส่งลูกบอลกันไปมาขณะเล่น เพราะฉะนั้นทุกคนต้องมีทักษะการเรียนรู้ที่จะเล่นกันเป็นหมู่คณะ ต้องมีความสามัคคีกันในทีมให้ได้มากที่สุด จึงจะพาให้ทีมไปถึงชัยชนะนั้นได้ หากเด็กๆ ได้ลองเล่นกีฬาชนิดที่เล่นเป็นทีม ก็เป็นการฝึกการร่วมมือกันเป็นกลุ่ม และยังทำให้เด็กๆ สามารถเข้ากับคนรอบข้างหรือสังคมได้ดีอีกด้วยค่ะ
-
มีความอดทนและมีสมาธิ
ตัวอย่างเช่น กีฬากอล์ฟ ซึ่งถือได้ว่าเป็นกีฬาที่สามารถฝึกเล่นได้ตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งกีฬากอล์ฟนี้นอกจากเด็กๆ จะได้ฝึกกล้ามเนื้อกำลังแขนและลำตัวของแล้ว เวลาเล่นยังต้องมีสมาธิเมื่ออยู่ในสนาม และต้องอดทนฝึกฝนกันอย่างมากเลยทีเดียว เพราะการเล่นกอล์ฟก็เป็นกีฬาที่เล่นไม่ได้ง่ายๆ เลย และต้องมีสมาธิจดจ่ออยู่พอสมควร นอกจากนี้หากหมั่นฝึกฝนจนชำนาญก็สามารถทำให้เด็กๆ ขึ้นแท่นเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพได้เลยนะคะ
-
ฝึกการควบคุมอารมณ์ให้มั่นคง
ตัวอย่างเช่น เทควันโด หรือกีฬาที่เป็นศิลปะการต่อสู้เกือบทุกประเภท ที่มักจะมีการปะทะกันเสมอ ซึ่งเด็กๆ ที่เล่นกีฬาประเภทนี้จะต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองให้มั่นคง เพราะฉะนั้นเด็กๆ ที่เล่นกีฬาประเภทนี้จะต้องมีความสุขุม เยือกเย็น โอมอ้อมอารี ถือว่าเป็นอีกวิชาที่ทำให้เด็กๆ ฝึกควบคุมอารมณ์ขณะเล่นกีฬาประเภทนี้นั้นเองค่ะ
-
มีระเบียบวินัยในตนเอง
ตัวอย่างเช่น กีฬาว่ายน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาที่เด็กๆ ควรได้เรียนและฝึกทักษะนี้ ซึ่งการว่ายน้ำ เด็กๆ จะต้องระมัดระวังเรื่องอันตรายอยู่พอสมควร จึงทำให้เขาต้องเชื่อฟังครูฝึก และมีระเบียบวินัยมากๆ เมื่อเล่นกีฬานี้ นอกจากจะต้องมีวินัยเพื่อป้องกันอันตรายแล้ว ยังต้องมีวินัยทั้งการปฏิบัติตนในสระว่ายน้ำ และการฝึกฝนตัวเองอย่างสม่ำเสมออีกด้วยนะคะ
-
มีไหวพริบและความว่องไว
ตัวอย่างเช่น แบดมินตัน เป็นกีฬาที่เด็กสามารถเล่นได้ทั้งกับครอบครัวและกับเพื่อนๆ เป็นกีฬาที่เป็นประโยชน์มากๆ เพราะใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายเลยก็ว่าได้ นอกจากร่างกายแล้วยังต้องมีระบบประสาทที่ตื่นตัวตลอดเวลาเมื่อเล่นกีฬานี้ เด็กๆ จะต้องหูตาว่องไว อีกทั้งต้องมีไหวพริบในการเล่นอย่างมากเลยค่ะ เรียกได้ว่าใช้ทุกส่วนของร่างกายจริงๆ
-
รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย
ไม่ว่าจะกีฬาประเภทไหน ก็ต้องมีคนแพ้และคนชนะเป็นเรื่องธรรมดา การวิ่งแข่งก็เช่นกันไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นยังไง เด็กๆ ต้องยอมรับและพร้อมรับมือกับสถานการณ์นั้นได้เสมอ อีกทั้งต้องเรียนรู้การวางตัวเมื่อเป็นผู้ชนะที่ดีอีกด้วย หากเด็กๆ ได้รับการปลูกฝังที่ดีจากการเล่นกีฬา รู้กติการ รู้แพ้รู้ชนะและให้อภัยซึ่งกันและกัน ก็จะทำให้เขาได้วิชาติดตัวไปจนโตเลยก็ว่าได้ค่ะ
-
รู้จักเคารพกติกา
ทุกชนิดกีฬาย่อมมีกฏและกติกาอยู่แล้ว ซึ่งการเคารพกติกาจะช่วยให้เด็กๆ เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ อดทน และทำให้เด็กๆ ยอมรับผลที่เกิดขึ้นกับเขาได้ ยกตัวอย่างเช่น วอลเลย์บอล ซึ่งเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม ซึ่งเป็นกีฬาที่มีกฎกติกา ทุกคนในทีมจะต้องเคารพกฎกติกาที่มี และรู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่น เมื่อลงเล่นนั้นเองค่ะ
-
สร้างแรงผลักดัน ให้มีความพยายาม
กีฬาเมื่อมีการแข่งขันย่อมสร้างแรงผลักดันให้กับเด็กๆ ให้มีความพยายามอยู่เสมอ เพราะเมื่อเขาได้เล่นกีฬาสักอย่าง เด็กๆ ก็จะมีความตื่นตัวไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองเรื่อยเปื่อยอยู่กับที่ เพราะหากทำเช่นนี้ก็ทำให้การพัฒนาตัวเองในการเล่นกีฬาช้าลงตามหลังเพื่อน ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ตามตามสัญชาตญาณธรรมชาติที่เมื่อเห็นคนรอบข้างเก่งขึ้น เขาก็จะสร้างแรงผลักดันให้ฝึกซ้อมและก้าวไปพร้อมๆ กับเพื่อนด้วยนั้นเองค่ะ
จากบทเรียนนอกตำราที่ได้กล่าวมานั้น คือวิชาที่หาไม่ได้จากห้องเรียนหรือในตำรา มันจะสร้างสิ่งดีและหล่อหลอมให้เด็กๆ มีภูมิคุ้มกันที่ดีทางจิตใจและสร้างสิ่งที่ดีให้กับคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี เพราะ ” กีฬาคือครูชีวิต” ที่ยิ่งใหญ่สำหรับเด็กๆ และเป็นก้าวที่สำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาทางด้านต่างๆ ของเด็กๆ ในอนาคตต่อไป