ไม่ว่าพ่อแม่คนไหนก็วาดฝันว่าจะได้มีลูกที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงและสมบูรณ์ครบ 32 แต่ใครจะรู้ว่าโชคชะตานั้นไม่ได้มอบโอกาสนี้เป็นนิรันดร์กับทุกครอบครัว มีบ้างที่ต้องพบเจอกับความผิดหวังหรือท้อแท้เมื่อแก้วตาดวงใจที่เฝ้ารอนั้นแตกต่างไม่เหมือนเด็กทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นความพิการทางร่างกายหรือสติปัญญา ทุกอย่างล้วนบั่นทอนกำลังใจที่จะเลี้ยงดูและใช้จ่ายให้เขา
ทางParents One จึงอยากมาเสนอแนวคิดบวกและสร้างเสริมกำลังใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังประสบปัญหาหมองเศร้ากับเรื่องนี้ค่ะ
เปิดใจยอมรับ
สิ่งแรกที่พ่อแม่ต้องทำคือยอมรับกับสภาพของลูกน้อยให้ได้ว่าธรรมชาติของเขานั้นเป็นเช่นไร หยุดโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุให้ลูกต้องเกิดมามีปมหรือไม่มีสมรรถภาพหรือสมบูรณ์พร้อมแบบคนอื่นเพราะการที่เราทำใจยอมรับได้ก่อนนั้นจะทำให้เราสามารถก้าวต่อไปในวันข้างหน้าได้และที่สำคัญเมื่อเราเปิดใจยอมรับได้ ตัวลูกเองก็จะเปิดรับในสิ่งที่เขาเป็นได้เช่นกัน
เพื่อก้าวผ่านอุปสรรคไปด้วยกันทั้งครอบครัว
ความอดทนคือเพื่อนเคียงข้าง
หากมีคำกล่าวที่ว่าความอดทนคือสิ่งที่ควรมีกันทุกคนแต่คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องรับมือกับเรื่องนี้ต้องนับเจ้าความอดทนเป็นเพื่อนที่อยู่เคียงข้างทุกเวลาเพราะไม่ว่าจะทำสิ่งใดหรือเหนื่อยเพียงใด พกเพื่อนอดทนไปด้วย แม้จะแทบไม่อยากตื่นมารับรู้หรือก้าวเดินไปในแต่ละวันแต่เชื่อเถอะว่า เพื่อนที่ชื่อว่าความอดทนนี้
จะพาเราทั้งพ่อแม่ลูกมุ่งไปสู่สิ่งที่ดีกว่าและพบเจอกับโอกาสใหม่ๆเสมอในชีวิตเพราะเราไม่หยุดที่จะเดินหน้าต่อไปอย่างไม่ลดละ
วางบทบาทและหน้าที่ตนให้เหมาะสม
การดูแลลูกน้อยที่พิเศษกว่าใครย่อมต้องมีความเหนื่อยอ่อนมากกว่าคนทั่วไปเพราะฉะนั้น การแบ่งเบาหน้าที่และจัดสรรเวลาต่างๆในการเลี้ยงดูจึงต้องมีความแน่นอนและเหมาะสมกับตัวผู้ดูแล เลือกหน้าที่ให้สอดคล้องกับการงานที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรับผิดชอบในแต่ล่ะวัน อย่าให้ภาระตกหนักที่ใครเพียงคนใดคนหนึ่งเพราะมันจะกลายเป็นชนวนให้เกิดการทะเลาะและความไม่เข้าใจได้
หากบางจังหวะเวลานั้นไม่มากพอหรือยุ่งมากทั้งคู่ก็ขอความ่ชวยเหลือจากญาติพี่น้องหรือเพื่อนบ้างในบางเวลาที่จำเป็นเพื่อประคับประคองกันไป
สอนให้ลูกรู้ถึงสิทธิ, หน้าที่ของตน
หน้าที่ของพ่อแม่ทุกคนคือสั่งสอนให้ลูกเป็นคนดีรวมถึงทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเขา, สอนให้เขารู้ว่าตนมีคุณค่าแล้วควรได้รับสิทธิ์เสรีต่างๆเท่ากับเด็กคนอื่น อย่าให้ความพิเศษของลูกมาปิดกั้นโอกาสต่างๆในชีวิตหรือทำให้เขาหมดกำลังใจะก้าวไปต่อ เลี้ยงดูแล้วสอนสั่งให้เขาเหมือนเด็กทั่วไป ไม่ให้รู้สึกแปลกแยกหรือแตกต่างจากใคร
และอย่าลืมที่จะสอนให้เขารับผิดชอบดูแลตัวเองให้ได้ตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อทำได้ก็ชื่นชม เมื่อทำสำเร็จก็ร่วมยินดี สร้างกำลังใจให้ลูกอยู่สม่ำเสมอเพื่อหล่อเลี้ยงกายใจให้พัฒนาไปควบคู่กัน
มีรอยยิ้มอยู่เสมอ
เป็นเรื่องง่ายที่ทำได้ยากกับผู้ปกครองที่ต้องรับภาระทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและการเลี้ยงดูที่พิเศษกว่าพ่อแม่คู่อื่นในการแสดงสีหน้าอันเปี่ยมไปด้วยความสุขแต่เชื่อเถอะว่าทุกครั้งที่ได้ยิ้มซักครั้งให้กับตัวเองหน้ากระจก ยิ้มให้คนที่อยู่เคียงข้างหรือยิ้มให้กับลูกคนพิเศษเพียงวันละครั้งก็ช่วยให้วันที่แสนอึมครึมของใครสักคนในบ้านได้มีแสงสว่างมาจุดลงในใจ
เพราะความสดใสของรอยยิ้มนั้นไม่ใช่เพียงแค่การแสดงออกของความรู้สึกแต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่ยอมแพ้ในชีวิต
ติดตามข่าวสารให้ทันโลก
เพราะคนพิเศษย่อมต้องมีอะไรพิเศษๆที่สร้างมาเพื่อเขาอยู่ทุกวี่วัน คุณพ่อคุณแม่ต้องตามให้ทันถึงการพัฒนาเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีอุปกรณ์, ยาบำรุงหรือแม้แต่สิทธิ์ประโยชน์การรักษาต่างๆเองก็ถือเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้เพราะมันจะเป็นส่วนหนึ่งช่วยให้ลูกน้อยได้มีโอกาสและต่อยอดไปได้อีกมากมายในอนาคต เช่นนั่นแล้วจะต้องไม่ละเลยโลกทั้งใบเพื่อทำเพียงเลี้ยงดู เราต้องมีการก้าวตามไปอย่าไม่ลดละ
ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร แตกต่างจากใครมากเท่าไหร่แต่เขาก็คือคนที่เรารอพบมาตลอดช่วงเวลาที่เคยได้อยู่ในท้องและเตรียมตัวมาอย่างดี ขอเพียงได้เตรียมตัวให้มากขึ้นและมุ่งมั่นอยู่ในปาณิธานเดิมในการจะเลี้ยงเขาให้ดีเหมือนวันแรกที่ตั้งใจให้เขาเกิดมา
อะไรๆก็ไม่เกินกว่าที่เราจะร่วมกันจัดการอย่างแน่นอน
ที่มา : fcdthailand, jw.org