fbpx

รู้หรือไม่? ยิ่งลูกหลับดี สมองยิ่งดี!

Writer : Mneeose
: 24 พฤษภาคม 2565

คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่า? กุญแจสำคัญในการพัฒนาระบบสมองของลูกน้อยให้เกิดกระบวนการในการเรียนรู้ และมีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุ 3 ขวบ นั่นก็คือ “การนอนหลับปุ๋ย” ของลูกน้อยนั่นเองค่ะ

เพราะการนอนที่เพียงพอในตอนกลางวัน และตอนกลางคืนของลูกน้อย จะส่งผลกระทบต่อทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ การเรียนรู้ และนิสัยของเด็กในระยะยาว เช่น หากลูกน้อยนอนหลับอย่างเพียงพอ เมื่อเขาตื่นขึ้นมาจะอารมณ์ดีทั้งวัน ไม่ร้องไห้ ยิ้มแย้ม แจ่มใส สดชื่น ซึ่งจะตรงกันข้ามกับเด็กที่นอนไม่เพียงพออย่างแน่นอน

นี่จึงเป็นการคลายข้อสงสัยว่า ทำไมเด็กๆ ในวัยอนุบาล ที่มีอายุประมาณ 3-5 ขวบ ต้องมีการนอนพักกลางวัน นั่นก็เพื่อให้เด็กๆ ได้พักสมอง หลังจากการเรียนและเล่นมาแล้วนั่นเอง

แล้วคุณพ่อคุณแม่เคยสงสัยไหมว่า? ช่วงเวลาที่ลูกกำลังนอนหลับเกิดอะไรขึ้นในสมองของลูกน้อยบ้าง แล้วคำถามที่ถามว่า ยิ่งลูกหลับดี สมองจะยิ่งพัฒนา จะเป็นความจริงหรือไม่? ไปไขปริศนากัน

“การนอนหลับ” เกี่ยวข้องอย่างไรกับการพัฒนาสมอง?

“เพราะกิจกรรมของลูกน้อยในแต่ละวัน ไม่ใช่เป็นเเค่เพียงการเล่นซนเท่านั้น”

การนอนหลับ และได้รับโภชนาการที่ดีจะส่งผลต่อลูกน้อยอย่างมาก นั่นเพราะเด็กจะประมวลผลกิจกรรมของพวกเขาในเวลากลางวัน และเมื่อถึงเวลาที่พวกเขานอนหลับ ความจำของทั้งวันจึงถูกสร้างขึ้น และประมวลผลขึ้นในตอนช่วงเวลาแห่งการนอนหลับปุ๋ยนั่นเองค่ะ

ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะคะคุณพ่อคุณแม่ว่า! การนอนหลับ ถือว่ามีความสำคัญต่อพัฒนาการในช่วงวัยเด็กมาก เพราะแม้ในยามนอนหลับ สมองของเด็กก็จะตื่นตัว และพร้อมเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา

ด้วยเหตุผลนี้คุณพ่อคุณแม่จึงต้องสร้างนิสัยให้เด็กน้อยมีคุณภาพการนอนที่ดี เพื่อฟื้นฟูระบบประสาทและสมองให้มีการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ แต่สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามคือเรื่องของ “สารอาหาร” ที่มีผลต่อการนอนหลับ

เช่น  L-Tryptophan (แอลทริปโตเฟน) กรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่มีผลต่อการนอน และมีคุณสมบัติพิเศษด้วยเช่นกัน

 

ลูกน้อยหลับดี สมองก็ยิ่งพัฒนา ด้วย L-Tryptophan

สารอาหารที่ช่วยให้เด็กๆ มีการนอนหลับที่ดี มีชื่อว่า “L-Tryptophan” เป็นกรดอะมิโนจำเป็น ที่ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น โดยสมองจะเปลี่ยน L-Tryptophan เป็นสารเชอราโทนิน สารสื่อประสาทตั้งต้นของฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งมีผลช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับอย่างมีคุณภาพ เช่น หลับเร็ว หลับนาน และหลับลึกนั่นเองค่ะ

เพราะกรดอะมิโนจาก L-Tryptophan และสารกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษช่วยให้ผ่อนคลาย และทำให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น

 

การนอนที่มีคุณภาพ คือ จุดเริ่มต้นในการเรียนรู้

เพราะการนอนเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ การจดจำ และพัฒนาการที่ดีของเด็ก​ ดังนั้น เด็กที่นอนหลับอย่างมีคุณภาพ จะส่งผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนความรู้ และพัฒนาความคิด ซึ่งช่วงเวลาในการนอนของเด็กก็มีความสำคัญเช่นกัน

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการนอนหลับของเด็กในแต่ละช่วงวัย

  • เด็กเล็กอายุ 1-2 ปี : ควรนอนหลับให้ได้ 11-14 ชั่วโมง
  • โดยในเด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 3 ปี : สามารถนอนช่วงกลางวัน 1-2 ชั่วโมง
  • เด็กโตอายุ 6-12 ปี : ควรนอนหลับ 9-12 ชั่วโมง
  • เด็กอายุ 3-5 ปี : ควรนอนหลับให้ได้ 10-13 ชั่วโมง

 

สิ่งที่ควรทำก่อนพาลูกเข้านอน เพื่อเสริมพัฒนาการด้านสมอง

เพราะการนอนนั้นเปิดโอกาสให้สมองได้ทบทวนข้อมูลที่ได้รับมา และเปลี่ยนเป็นความจำพร้อมนำกลับมาใช้ใหม่ ดังนั้น การสร้างวินัยในการนอนที่ดีให้ลูก จะทำให้ลูกน้อยมีการนอนอย่างมีคุณภาพ เช่น

  • สร้างกิจวัตรก่อนนอนให้เป็นเวลาพิเศษที่จะพูดคุยกับลูก เพื่อให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัย
  • ให้ลูกเข้านอน และตื่นนอนตรงเวลา
  • บรรยากาศห้องนอน สำหรับเด็กเล็กแนะนำให้แม่หรือพ่อ กล่อมลูกเข้านอน ด้วยการร้องเพลง หรืออ่านนิทานให้ฟัง เพื่อเป็นการช่วยพัฒนาสมอง และสร้างการเรียนรู้ ส่งเสริมจินตนาการ
  • สร้างกิจวัตรในระหว่างวันให้มีตารางเวลาสม่ำเสมอ

ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ การทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะที่มีสารอาหาร L-Tryptophan ในนมกล่อง ให้ลูกน้อยดื่มก่อนนอน รับรองว่าต้องนอนหลับปุ๋ย ไม่ตื่นกลางดึกอย่างแน่นอนค่า

 

เสริม L-Tryptophan ให้ลูกน้อย จากอาหารชนิดใดบ้าง?

L-Tryptophan ถือเป็นสารตั้งต้น ให้การสร้างสารสื่อประสาท นั่นก็คือ เซโรโทนิน จึงช่วยในการควบคุมการนอนหลับ อารมณ์ รวมทั้งกระบวนการเรียนรู้ทั้งตอนตื่น และตอนหลับนั่นเองค่ะ

แม่ๆ คงเกิดความสงสัยแล้วใช่ไหมว่า ถ้า L-Tryptophan มีประโยชน์ต่อร่างกาย แถมดีต่อสุขภาพของลูกขนาดนี้ กรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ชนิดนี้ จะอยู่ในอาหารชนิดใดบ้างนะ? จะได้ทำให้ลูกน้อยทาน เคี้ยวตุ้ยแบบเพลินๆ แม่ก็ปลื้มใจสุดๆ ที่เห็นลูกทานอาหารแสนอร่อย และยังได้ประโยชน์อีกเพียบ

อาหารที่มี L-Tryptophan สูง

ส่วนใหญ่จะอยู่ในอาหารบางชนิดเท่านั้น โดยเฉพาะ “อาหารที่มีโปรตีนสูง” เช่น

  • เนื้อสัตว์ : เนื้อหมู เนื้อไก่  ไข่
  • ผลิตภัณฑ์นม : นมสด โยเกิร์ต นมเปรี้ยว
  • อาหารทะเล : ปลา กุ้ง หอย ปลาหมึก
  • เมล็ดพืช : งา เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ถั่วลิสง ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ถั่วเหลือง
  • ช็อกโกแลต
  • อินทผลัมแห้ง
  • สาหร่าย (spirulina)
  • กล้วย
  • ชีส เนยแข็ง

 

โดยเฉพาะในนมกล่องที่มีส่วนผสมของ L-Tryptophan + สฟิงโกไมอีลิน + ดีเอชเอ รวมถึงวิตามิน และสารอาหารอื่นๆ แล้วละก็ ยิ่งเติมพลังให้สมองทำหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในตอนกลางวันที่เด็กๆ ชอบวิ่งเล่น และตอนกลางคืนที่สมองนำความทรงจำกลับมาทบทวนอีกครั้ง เพื่อสร้างให้กลายเป็นความทรงจำระยะยาวนั่นเอง

เมื่อลูกน้อยนอนดี กินดี อารมณ์ก็จะดีตามไปด้วย คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ความสำคัญของพัฒนาการลูกน้อย ทั้งตอนนอนหลับ และตอนตื่นด้วยนั่นเอง เพื่อให้สมองของลูกน้อยได้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพในช่วงวัยของเขาสู่การเรียนรู้นอกกรอบในอนาคต

อย่าลืม! กล่อมลูกน้อยให้เข้านอนกันด้วยนะคะคุณพ่อคุณแม่ เพราะลูกน้อยนอนหลับดี สมองก็ยิ่งพัฒนาได้ดีค่ะ

#ลูกหลับดีสมองยิ่งดี #แอลทริปโตเฟน #smomclub

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Update
anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save