ทุกวันนี้พอโลกของเราพัฒนาไปไกล ความรู้เท่าทันของลูกเองก็เป็นในหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เขารู้อะไรเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนใช่ไหมคะ โดยเฉพาะเรื่องเพศเองก็เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ถูกถามขึ้นมาแล้วมักวางตัวไม่ถูก หรือหาคำตอบได้ไม่ทัน โดยเฉพาะคำถามที่ว่า
” หนูเกิดมาได้ยังไงเหรอ ”
” เห็นพ่อกับแม่ถอดเสื้อผ้าทำอะไรกันในห้องนอน ทำอะไรเหรอ ”
” ทำไมนมของแม่ไม่เหมือนของพ่อ และทำไมพ่อมีผมตรงจู๋ด้วยล่ะ ”
” แม่ร้องเสียงดังมาก พ่อทำอะไรแม่ ”
บางครั้งพอเราได้คำถามเหล่านี้ในช่วงที่ลูกวัยเพียง 2-3 ขวบ เรามักจะคิดกันไปในมุมแบบผู้ใหญ่ว่าลูกอาจจะรู้แล้วว่านี่คือเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ หรือลึกซึ้งไปถึงการผันแปรของฮอร์โมนต่างๆ ที่ทำให้เกิดการเติบโตขึ้นจนทำให้รู้สึกอึดอัดและกังวลใจที่จะตอบลูกออกไปเลยเลี่ยงการตอบไปด้วยสาเหตุต่างๆ ว่า
” มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ”
” ไม่เอาไม่พูด เรายังเด็ก ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ”
” ถามอะไรแก่แดดแก่ลม ไปวิ่งเล่นไป ”
ซึ่งในความจริงแล้วมีวิธีที่ง่ายกว่า และได้ผลดีกว่าที่จะเลือกบอกด้วยคำตอบเหล่านี้ออกไปล่ะค่ะ และเราก็จะมาเรียนรู้วิธีนั้นจากคุณหมอวนิดา เปาอินทร์ หรือเจ้าของเพจ ป้าหมอขอขยาย ที่ได้แนะแนวความรู้และวิธีในการพูดคุยไว้ในกิจกรรมห้องเรียน ” Sexology talk with kids ” ของทาง Little Heart ที่ได้จัดงานไปช่วงวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา จะมีเนื้อหาน่าสนใจ และนำไปปรับใช้ได้มากแค่ไหน มาลองดูกันค่ะว่าการพูดคุยกับลูกในเรื่องเพศนั้นเริ่มจากอะไรได้บ้าง
- การคุยเรื่อง sex ควรคุยให้เป็นธรรมชาติ เมื่อถูกถามไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตกใจ แต่ให้มองมันเป็นเรื่องปกติว่าซักวัน ลูกก็ต้องรู้ เมื่อเขาเริ่มถามให้มองเป็นโอกาสดีที่จะได้สอน และเปิดใจคุยกันเลยโดยที่เราไม่ต้องเป็นฝ่ายเริ่มเอง และการใช้คำอาจเป็นคำที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน อาทิ ” พ่อกับแม่แสดงความรักแบบคนเป็นพ่อและแม่ทำกัน เมื่อลูกโตแล้วก็จะถึงเวลาของลูก “, ” แล้วลูกคิดว่าพ่อกับแม่ทำอะไรกันคะ ลองบอกมุมของลูกมาก่อนได้เลย “
- เน้นพูดสั้น ได้ใจความ เพราะเด็กเล็กวัยไม่เกิน 5 ขวบ เขายังไม่สามารถรับประโยคยาวๆ และเข้าใจได้ในทันที ต้องใช้เวลาในการคิดตาม และหากยิ่งพูดอ้อม พูดยาว ลูกก็จะถามต่อไปเรื่อยๆ โดยที่เราอาจจะไม่สามารถหาทางจบการถามได้ ดังนั้นควรตอบเน้นกระชับ ได้ใจความ ไม่วนไปมาหรืออธิบายยืดยาว
- ตอบให้ตรงคำถาม อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่เราต้องทำให้ได้ เพราะจุดเริ่มของคุณพ่อคุณแม่ที่ถูกถาม เรามักจะพยายามเฉไฉไปในทิศทางอื่น หรือตอบอะไรไปเรื่อยเพื่อให้เขาลืมคำถามเดิม ซึ่งนั่นจะทำให้เสียโอกาสในการสอน รวมไปถึงยิ่งสร้างความสับสนให้ลูกอีกว่าคำตอบที่ถูกต้องจริงๆ คืออะไรกันแน่ เช่น ” ที่หนูถามว่าทำไมคุณพ่อมีผมบนจุ๊ดจู๋ เพราะคุณพ่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว พอหนูโตหนูก็จะมีแบบคุณพ่อ ” , ” เพศคนเรามีสองแบบ ไม่เหมือนกัน อย่างหนูมีเหมือนแม่ น้องชายหนูมีเหมือนพ่อจ้ำ “
และนอกจากหลักทั้ง 3 ข้อแล้ว ยังมีคำแนะนำดีๆ จากคุณหมอวนิดาหรือ เพจป้าหมอขอขยายอีกค่ะว่า
” หากลูกถามเรา และเขาเข้าใจสิ่งที่เราสื่อ ต้องชมเขา ชมนำตำหนิ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการสอนลูก และทำให้ลูกไว้ใจ ถ้าบ้านเราไม่ใช่เซฟโซนให้เขาได้ถาม เขาจะไปถามจากใคร ”
” ทำให้เรื่องเซ็กส์ เป็นเรื่องธรรมชาติ และจับต้องได้ อย่าทำให้มันเป็นเรื่องซับซ้อนหรือเข้าถึงยาก ”