Parents One

ความปลอดภัยของเด็กเล็ก กับ “รถโรงเรียน” ที่พ่อแม่ต้องรู้!

ถ้าพูดถึงรถโรงเรียนในช่วงนี้ เชื่อเลยว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนคงคิดถึงแต่เรื่องที่ไปในทางลบ อย่างการลืมเด็กนักเรียนไว้บนรถ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แต่ถ้าพูดถึงความจำเป็นของรถโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่หลายท่านก็เลือกวิธีการนี้ในการรับหรือส่งลูกไปโรงเรียน เนื่องด้วยความสะดวก ประหยัด แต่คุณพ่อคุณแม่จะมั่นใจได้อย่างไรว่า รถโรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่เลือกนั้นปลอดภัยกับลูกแล้วจริงๆ

เช็กสิ่งเหล่านี้ก่อนให้ลูกขึ้น “รถโรงเรียน”

1. รถตู้ต้องห้ามเด็กนั่งเกิน 12 คน

โดยอนุญาตให้นำรถที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 – 12 คน ทั้งรถสองแถวและรถตู้มาใช้เป็นรถรับส่งนักเรียนได้ แต่ต้องมีการรับรองการใช้รถดังกล่าวจากสถานศึกษา

2. ห้ามติดฟิล์มกรองแสงที่กระจกรอบคัน

เพื่อเป็นมาตรฐานตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด

3. ที่นั่งยึดแน่น ไม่มีพื้นที่ให้เด็กยืนหรือโหน

รถที่จะมารับส่งนักเรียนต้องมีที่นั่งผู้โดยสารแบบแข็งแรง มั่นคง ต้องไม่มีพื้นที่สำหรับนักเรียนยืน รถสองแถวต้องมีประตูและที่กั้นป้องกันเด็กตก อีกทั้งรถตู้ต้องจัดวางที่นั่งเป็นแถวตอนตามความกว้างของตัวรถเท่านั้น

4. ผ่านการตรวจสอบแล้ว

รถที่รับส่งต้องผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานขนส่งจังหวัดที่โรงเรียนหรือสถานศึกษา

5. ติดอักษรสีดำว่า “รถโรงเรียน”

โดยรถทุกคันต้องติดแผ่นป้ายพื้นสีส้ม มีข้อความตัวอักษรสีดำว่า “รถโรงเรียน” ติดอยู่ด้านหน้าและด้านท้าย มีไฟสัญญาณ

6. มีเครื่องมือที่จำเป็นกรณีฉุกเฉิน

เครื่องดับเพลิง ค้อนทุบกระจก วัสดุภายในรถส่วนของผู้โดยสารต้องไม่มีส่วนแหลมคม ประตูทางขึ้นลงหรือเป็นช่องเปิดต้องมีความปลอดภัย

7. คนขับต้องมีใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 3 ปี

โดยใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะต้องได้รับแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี มีผู้ดูแลนักเรียนประจำอยู่ในรถตลอดเวลาที่รับส่งนักเรียน เพื่อดูแลความปลอดภัยตลอดการรับส่งนั่นเอง

8. ต้องมีการเช็กชื่อเด็กทั้งขึ้นและลง

เมื่อใดที่พ่อแม่ไปส่งลูกขึ้นโรงเรียน ขอให้ส่งเขาถึงมือคุณครูหรือผู้ดูแลประจำรถโดยให้เด็กเข้าไปนั่งภายในรถให้เรียบร้อยเสียก่อน ทั้งขอไปและขากลับ อย่าปล่อยให้เด็กขึ้นรถโดยลำพังโดยเฉพาะเด็กเล็ก อีกทั้งต้องมีคนคอยดูแลนอกจากคนขับรถตลอด และที่สำคัญต้องเช็กชื่อทั้งขึ้นและลงด้วยเช่นกัน

ทักษะเอาตัวรอดบนรถโรงเรียนนั้นจำเป็น

 

อ้างอิงจาก : เรื่องเด็กๆ by หมอแอม, กรมขนส่งทางบก