จากกรณีของโรงเรียนสารสาสน์ที่มีการเรียกร้องจากผู้ปกครองให้ปรับปรุงโรงเรียนในส่วนต่างๆ นั้น ล่าสุดโรงเรียนได้รายงานว่ามีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหาร โดยถอดถอนและแต่งตั้งผู้อำนวยการโรงเรียนคนใหม่ รวมถึงเร่งพัฒนาโรงเรียนให้เป็นไปตามข้อเสนอ ทำให้มีเด็กลาออกน้อยลงกว่าทีแรก
โดยนายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์นี้ก็ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยพบว่าทางโรงเรียนได้ถอดถอน นางนันทิภา ยงค์กมล ผอ.โรงเรียนคนเก่าออก เนื่องจากหย่อนยานในการปฏิบัติหน้าที่ และแต่งตั้ง นางรัตนาภรณ์ มูรี่ ผอ.คนใหม่ ซึ่งมีดีกรีปริญญาเอก และใบประกอบผู้บริหารสถานศึกษา ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.เป็นต้นไป ส่วนรองผอ.คนอื่นๆ กำลังอยู่ในขั้นตอนการแต่งตั้ง
นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังได้มีการปรับปรุงตามข้อเสนอของผู้ปกครอง เช่น ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม ซึ่งใน 1-2 วันนี้ ผู้ปกครองสามารถไปชมได้ที่โรงอาหาร รวมถึงมีการปรับปรุงคุณภาพอาหารกลางวันให้ถูกหลักโภชนาการ และแจ้งเมนูล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ทางเว็บไซต์โรงเรียน อีกทั้งจัดห้องดูแลสุขภาพจิต ที่มีนักจิตวิทยาประจำการ และเปิดห้องรับเรื่องร้องทุกข์
จึงทำให้มีนักเรียนแจ้งขอลาออกและขอคืนเงินค่าเล่าเรียน เพียงจำนวน 6 คน โดย 2 คน เป็นเด็กที่อยู่ในห้องเรียนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จากเดิมเมื่อวันที่ 2 ต.ค. ได้รับแจ้งว่ามีนักเรียนจะขอลาออก 40 คน
สำหรับเรื่องใบประกอบวิชาชีพครูจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบครูผู้สอนมีใบประกอบวิชาชีพครูทุกคน ส่วนครูต่างชาติ 76 คนมีหนังสืออนุญาตประกอบวิชาชีพจากคุรุสภา แต่มี 51 คนที่ถือวีซ่านักท่องเที่ยวและโรงเรียนจ้างมาทดแทนครูต่างชาติที่เข้ามาไม่ได้ ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งอยู่ระหว่างทำสัญญาจ้าง แต่ยังไม่จ่ายเงินเดือน โดยให้ทำหน้าที่สังเกตการณ์ก่อนระหว่างรอเอกสารการประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง
ในส่วนของปัญหาพี่เลี้ยงเด็ก หรือที่เรียกกันว่าครูพี่เลี้ยงต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ ซึ่งจากนี้ สช.จะร่วมมือกับ ดย.จัดอบรมเพื่อพัฒนาพี่เลี้ยงเด็กให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยจะมีการยกร่างหลักสูตรอบรมร่วมกัน
อ้างอิงจาก