ในขณะนี้เชื้อไวรัส RSV ได้ระบาดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาล ดังนั้นพ่อแม่และคุณครูจึงควรต้องเฝ้าระวังออย่างใกล้ชิด หากพบว่าเด็กมีอาการไม่สบาย ควรหยุดไปโรงเรียนทันที
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เชื้อไวรัส RSV สามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยผ่านทางเยื่อบุตา จมูก ปาก หรือผ่านทางการสัมผัสมือ จึงควรมีการตรวจคัดกรองเด็กทุกวัน หากพบเด็กมีน้ำมูก ไอ จาม หรือมีอาการสงสัยเป็นโรคไวรัส RSV ให้หยุดเรียน หากไม่มีการเฝ้าระวังอาจเกิดการแพร่ระบาดของโรคได้
ซึ่งโรงเรียนและพ่อแม่สามารถดูแลและป้องกันได้ด้วยหลัก 3 ร. คือ
- รักษาความสะอาดสถานที่ บ้าน โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก เน้นล้างทำความสะอาดสถานที่ ห้องน้ำ ห้องส้วม ของใช้ ของเล่น ภาชนะที่เด็กใช้ร่วมกัน
- รักษาสุขอนามัย หมั่นล้างมือก่อนและหลังกินอาหารและหลังขับถ่าย ด้วยสบู่และน้ำ รวมทั้งควรจัดเตรียมเครื่องใช้ของเด็กแยกเป็นรายบุคคลไม่ให้ใช้ร่วมกัน
- ระวัง ไข้สูง ไอ มีเสมหะจำนวนมาก หายใจเหนื่อยหอบ หรือรุนแรงถึงขั้นตัวเขียว หากพบเด็กมีอาการดังกล่าวให้รีบพาพบแพทย์ทันที
โดยปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัส RSV การรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการเท่านั้น พ่อแม่จึงต้องสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิด ให้ลูกสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงไปในที่แออัด และหมั่นล้างมือเป็นประจำ
อ้างอิงจาก
https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=15518&deptcode=brc&news_views=1772