ในช่วงเวลานี้ไม่มีโรคระบาดไหนฮิตเท่า ไวรัสโรตา (Rotavirus) ที่กำลังแพร่ระบาดทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยอาการท้องร่วงท้องเสียจากเจ้าไวรัสโรตานี้ ได้มีแพทย์ให้คำจำกัดความไว้ว่า “ติดง่าย ทำลายยาก อาการรุนแรง”
วันนี้เรามารู้จักเจ้าไวรัสโรตาให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้รู้เท่าทันและเตรียมการรับมือกับเจ้าไวรัสตัวร้ายนี้กันค่ะ
เป็นอาการท้องเสียที่รุนแรง
อาการเมื่อได้รับเชื้อไวรัสโรตาเข้าสู่ร่างกาย ผู้ป่วยไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่จะมีไข้ขึ้นสูง ปวดท้อง อาเจียนและท้องเสียอย่างรุนแรง ซึ่งอาการทั้งหมดนี้จะมีลักษณะคล้ายๆ กับการเป็นหวัด แต่มีการอาเจียนเข้ามาผสมด้วย รวมไปถึงการถ่ายเหลว ซึ่งจะเป็นการถ่ายที่บ่อย ถี่ และรุนแรงกว่าท้องเสียทั่วๆไป ที่สำคัญคือ กินระยะเวลาหลายวันเลยค่ะ
ไม่มียารักษาโดยตรง
ไวรัสโรตามีความอันตรายตรงที่ ในปัจจุบันไม่มียาที่สามารถฆ่าเจ้าเชื้อไวรัสนี้ได้โดยตรง ทำได้เพียงให้ยารักษาตามอาการเท่านั้น ส่วนมากผู้ป่วยจะอยู่ในภาวะสูญเสียน้ำจากการถ่ายเหลวและอาเจียน การรักษาก็จะเป็นการให้เกลือแร่เพื่อชดเชยปริมาณน้ำที่เสียไป แต่ถ้าหากผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงมากๆ ไม่สามารถทานอาหารได้ ถ่ายไม่หยุด ปากแห้งผาด ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อให้อยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ
ติดต่อง่าย
ไวรัสโรตาสามารถแพร่ออกมาได้ตั้งแต่ในระยะฟักตัว และการแพร่เชื่อยังกินระยะเวลายาวนานถึงสามวัน ทำให้ผู้อื่นมีโอกาสที่จะติดเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ดังนั้นผู้ดูแลและผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยต้องระมัดระวังตัวในเรื่องของความสะอาดให้มาก
อาการรุนแรง โดยเฉพาะในเด็ก 3 เดือน – 3 ขวบ
เด็กเล็กหากได้รับเชื้อไวรัสโรตาจะอันตรายมาก เนื่องจากในเด็กเล็ก (อายุประมาณ 3 เดือน – 3 ขวบ) การถ่ายเหลวเพียงไม่กี่ครั้ง หรือแม้แต่การอาการเจียนก็จะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำที่รุนแรงมากกว่าผู้ใหญ่ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้อีกมากมาย และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของเด็กจำนวนมาก
ทำลายยาก ทนทานต่อแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์ไม่สามรถทำลายไวรัสตัวร้ายได้นะคะ วิธีป้องกันที่ได้ผลที่สุดคือ การล้างมือให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอด้วยน้ำสบู่ และล้างให้สะอาดในทุกซอกทุกมุม ทั้งฝ่ามือ หลังมือ ซอกเล็ก ง่ามนิ้ว ส่วนตามพื้นผิวต่างๆ เราสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของคลอรีนในการฆ่าเชื้อไวรัสโรตาได้ค่ะ
มีวัคซีนป้องกัน
วัคซีนป้องกันไวรัสโรตา ไม่ใช่วัคซีนพื้นฐานที่เด็กทุกคนจะได้รับฟรี ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงในสุขภาพของลูกก็ควรพาลูกรับวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสนี้ และดูแลในเรื่องของความสะอาดให้มากขึ้นค่ะ
ป้องกันเบื้องต้นด้วยการล้างมือ
ในเบื้องต้นการล้างมือให้สะอาดเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ดังนั้นก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง มือของลูกเราได้ไปสัมผัสกับสิ่งสกปรกต่างๆ มาตลอดทั้งวัน ก็ต้องได้รับการชำระล้างอย่างถูกวิธี เพื่อเป็นการปกป้องให้ลูกของเราห่างไกลจากเจ้าเชื้อไวรัสสุดอันตรายนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังอุปนิสัยการล้างมือที่ถูกวิธีให้ลูกๆ ค่ะ