เทคโนโลยีการสื่อสาร ระบบการใช้อินเตอร์เน็ตถือว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ไปแล้วสำหรับคนยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะใช้ในเรื่องการทำงาน การติดต่อสื่อสาร ติดเกมส์ หรือดูซีรี่ย์ ซึ่งคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หลายคนมักสงสัยว่าแล้วการเล่นโทรศัพท์มือถือนานๆ จะมีผลกระทบต่อสุขภาพของลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์หรือไม่ มีกังวลเกี่ยวกับคลื่นรังสีและแสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อลูกน้อยได้ มาดูกันค่ะว่าพฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์หรือไม่
คนท้องติดมือถือ อันตรายต่อลูกไหม?
+ คลื่นโทรศัพท์ คลื่นวิทยุ คลื่นโทรทัศน์ เป็นคลื่นที่มีอยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด คลื่นต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่เป็นคลื่นกัมมันตภาพรังสี ดังนั้นจึงไม่ได้มีอันตรายใดๆ ยิ่งกว่านั้น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ายังสามารถทะลุทลวงเข้าไปใน ผิวหนังเราได้แค่ 1-2 เซ็นติเมตรเท่านั้น ทารกในครรภ์จึงได้รับผลกระทบจากคลื่นโทรศัพท์ค่อนข้างน้อย ยิ่งคุณแม่ที่หนังท้องหนาๆ ก็น่าจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
+ หลายปีก่อนก็มีเรื่องฮือฮากันว่า ใช้โทรศัพท์มือถือแล้วทำให้เกิดมะเร็งในสมอง เนื่องจากมีการวิจัยของหน่วยงานที่เรียกว่า Wireless Technology Research ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยที่ว่า ผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือคุยต่อเนื่องกันนานๆ มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเนื้องอกในสมองชนิดที่เรียกว่า “Neuroepithelial Tumors” แรกๆ ก็กลัวกันไปพักนึง แต่ก็แปลกยอดขายโทรศัพท์มือถือกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีแผ่ว และการวิจัยเรื่องใช้มือถือแล้วเป็นเนื้องอกในสมองก็ไม่ได้มีการต่อยอดมากไปกว่าเดิมเลย
+ ขณะที่งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยล พบว่า คลื่นโทรศัพท์อาจส่งผลต่อการพัฒนาของสมองทารกในครรภ์ และอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมาธิสั้นได้ และขอใช้ผลการศึกษานี้เตือนผู้บริโภคให้ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวอย่างระมัดระวัง ส่วนคุณแม่ตั้งครรภ์นั้น ควรหลีกเลี่ยง หรือไม่ก็ควรวางโทรศัพท์ให้ห่างจากบริเวณครรภ์ให้มากที่สุด
คลื่นโทรศัพท์กับสมองของลูก
มีการวิจัยที่พบว่า คลื่นโทรศัพท์มือถือสามารถทะลุทะลวงเข้าสู่เนื้อเยื่อสมองของเด็กและก่อให้เกิดผลกระทบได้มากกว่า โดยเฉพาะในเด็กเล็กอายุ 5 ขวบ ที่คลื่นมือถือสามารถทำลายเนื้อเยื่อสมองได้มากกว่าผู้ใหญ่ถึง 5 เท่า ทำให้มีอาการปวดหัว และอาจจะทำให้เกิดมะเร็งในสมองได้ ซึ่งมีงานวิจัยที่กล่าวเอาไว้ว่าคลื่นโทรศัพท์มือถืออาจทำให้เกิดปัญหาทางด้านพฤติกรรมได้ และพอจะสรุปได้ว่า รังสีจากโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นส่วนหนึ่งของต้นเหตุที่ทำให้ทารกกลายเป็นบุคคลสมาธิสั้น อีกทั้งยังมีอารมณ์ค่อนข้างสับสน มีพฤติกรรมตื่นเต้น วุ่นวาย (hyperactive) หรือเข้าข่ายที่เรียกกันว่า “อยู่ไม่สุข” เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในภายหน้า
แม้จะยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดในเรื่องนี้ แต่ก็ทำให้มีกระแสการรณรงค์การใช้งานโทรศัพท์มือถืออย่างปลอดภัยก็เริ่มเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทั่วโลก อีกทั้งคุณแม่ก็ควรใช้มือถือด้วยความระมัดระวัง ใช้ตามความจำเป็น ผลเสียที่เกิดจากการเล่นโทรศัพท์นานๆ ก็คืออาจจะทำให้เกิดการเมื่อยล้าสายตา ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เกิดอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ทางที่ดี จึงไม่ควรเล่นมือถือติดต่อกันเป็นเวลานานๆ แนะนำให้หากิจกรรมอื่นๆ ทำด้วย และเวลาพกติดตัวไปไหนมาไหนก็ควรพกใส่กระเป๋าถือ ที่วางไว้ห่างจากตัว ไม่ควรเอามาใส่กระเป๋าการเกงเพราะมันอาจจะอยู่ใกล้กับหัวของทารกมากเกินไปค่ะ
ที่มา :