เป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครชอบถูกว่า ถูกตำหนิ โดยเฉพาะคำดุ ว่ากล่าวจากพ่อแม่ เป็นสิ่งที่ลูกๆ ทุกคนไม่อยากได้ยิน แต่ในเมื่อลูกทำผิดก็ต้องมีการกล่าวตักเตือนอย่างเหมาะสม ไม่ใช่ดุลูกต่อหน้าคนอื่นๆ เพราะจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าที่คุณพ่อคุณแม่คิดค่ะ
ทำให้ลูกขาดความมั่นใจในตัวเอง
คุณพ่อคุณแม่หลายคนมักทำลายความมั่นใจของเด็กโดยไม่รู้ตัว โดยการดุหรือพูดถึงข้อด้อยของลูกในที่สาธารณะหรือต่อหน้าคนรู้จักของลูก เช่น บอกว่าลูกอ้วน ตัวดำ ไม่สวย เรียนไม่เก่ง ไม่เหมือนคนนั้นคนนี้เลย ถ้าพ่อแม่ที่เป็นที่พึ่งของลูกยังไม่สนับสนุนเป็นกำลังใจให้เลย แล้วลูกจะมีความมั่นใจได้อย่างไร จริงมั้ยคะ
ทำให้ลูกเกิดความรู้สึกอับอาย
การตำหนิลูกต่อหน้าคนอื่นจะทำให้ลูกอับอายแล้ว โดยเฉพาะการอายเพื่อน อายคุณครู เพราะเมื่อลับสายตาเราไปแล้ว เพื่อนๆ ของลูกอาจจะเอาเรื่องที่ลูกโดนว่ามาล้อก็ได้ค่ะ
ลูกจะกลายเป็นเด็กก้าวร้าว
เด็กๆ มักมีพฤติกรรมเลียนแบบเพราะยังไม่โตพอที่จะแยกแยะสิ่งดีและไม่ดี โดยเฉพาะกับคนที่ใกล้ชิดเลี้ยงดู ถ้าพ่อแม่มักอารมณ์เสียแล้วชอบหาเรื่องว่าคนอื่น ด้วยถ้อยคำรุนแรง ลูกก็จะทำตามจนเป็นนิสัย มีปัญหากลายเป็นเด็กก้าวร้าวและทำร้ายจิตใจผู้อื่นต่อไปในอนาคต
สุขภาพร่างกายและจิตใจของลูกแย่ลง
นอกจากสภาพจิตใจที่แย่แล้ว การดุหรือตำหนิลูกต่อหน้าคนอื่นยังส่งผลเสีย ต่อสุขภาพกายลูกด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าต้องมาจากความเครียดสะสม และด้วยความที่ลูกยังเด็ก จึงไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้น ทำให้เป็นเด็กเก็บกดและส่งผลกระทบกับสุขภาพร่างกายในที่สุด
ลูกรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า
คนอื่นอาจจะพยายามทำเหมือนว่าเป็นแค่การพูดเล่นตลกๆ ถ้าพ่อแม่มักต่อว่าหรือล้อเลียนลูกบ่อยๆ จะทำให้ลูกรู้สึกด้อยค่าต่อหน้าคนอื่น หรือคิดว่าพ่อแม่ไม่สนใจความคิดหรือความกังวลของลูกเลย ถือเป็นการทำร้ายจิตใจลูกอีกทางหนึ่ง
คำพูดแย่ๆ จะทำให้เด็กทำลายความเชื่อมั่นในตัวเอง เด็กเล็กๆ จะค่อยๆ สร้างภาพตัวเองในใจจากคำพูดที่เค้าได้ยินเกี่ยวกับตัวเค้า ดังนั้นสิ่งที่แนะนำคือสอนลูกให้รู้จักวิเคราะห์ปัญหาและแก้ไขให้ถูกจุด เมื่อลูกทำผิด ลูกควรรู้ว่าปัญหาคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และควรจัดการแก้ไขอย่างไร โดยที่คุยกับลูกเองไม่ใช่ว่าหรือตำหนิต่อหน้าคนอื่นค่ะ
ที่มา – theasianparent