Parents One

ข้อดีของการให้เด็กๆ มีสัตว์เลี้ยง

ผลการวิจัยเผยว่า สัตว์เช่น สุนัข แมว หนูตะเภา สัตว์เหล่านี้มีประโยชน์ทั้งร่างกายและจิตใจของเด็กๆ ได้ดีเลยทีเดียว แต่คุณพ่อคุณแม่มักจะไม่ค่อยให้เด็กๆ ได้เลี้ยงสัตว์ต่างๆ ด้วยเหตุผลต่างๆ มากมาย กลัวเกิดอันตรายบ้างแหละ กลัวเด็กๆ เลี้ยงไม่ได้เพราะยังเด็กอยู่บ้างแหละ แต่จริงๆ แล้วการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไว้ในบ้านก็มีข้อดีอยู่มากมายเช่นกัน เรามาลองดูกันสิคะว่า ถ้าเราเลี้ยงสัตว์เลี้ยงตามใจเด็กๆ ที่บ้าน  จะมีข้อดีอะไรน่าสนใจกันบ้าง มาติดตามกันเลยค่ะ

งานวิจัยชิ้นหนึ่งของประเทศฟินแลนด์ระบุว่า เด็กๆ ที่อยู่ในครอบครัวที่เลี้ยงสัตว์และไม่เลี้ยงสัตว์พบว่า 31 เปอร์เซ็นต์ของเด็กๆ ที่โตมากับน้องหมา มีแนวโน้มที่สุขภาพแข็งแรงมากกว่า  และ 44 เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่ครอบครัวเลี้ยงสัตว์มีแนวโน้มติดเชื้อทางหูน้อยกว่าเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์ และ29 เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่ครอบครัวเลี้ยงสัตว์มีแนวโน้วได้รับการติดเชื้อของแบคทีเรีย เชื้อโรคต่างๆ น้อยกว่าเด็กที่บ้านไม่ได้เลี้ยงสัตว์ จากการวิจัยหลายๆ ชิ้นก็ไม่ได้ระบุว่าการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงจะช่วยให้เด็กๆ มีสุขภาพที่แข็งแรง ร่าเริงแจ่มใสจริงทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังไงการที่ให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก เช่นพาน้องหมาออกไปเดินเล่นนอกบ้าน แทนการอยู่บ้านติดจอโทรศัทพ์ ก็ช่วยให้พวกเขามีสุขภาพที่แข็งแรง แถมยังทำให้ร่าเริงแจ่มใสอีกด้วยค่ะ

เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่อยากให้เด็กๆ มีในตัวเองมากๆ สำหรับความรับผิดชอบ การที่อนุญาตให้เด็กๆ ได้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงสักตัว คุณพ่อคุณแม่อาจจะคิดว่าเด็กๆ อยากจะได้สัตว์เลี้ยงนั้นมาเล่นด้วยคล้ายๆ กับตุ๊กตาหรือของเล่นสักชิ้นนนั้นแหละ แต่ที่จริงแล้วการที่ให้เด็กๆ ได้เลี้ยงสัตว์สักตัว เวลาคุณพ่อคุณแม่ให้อาหาร พาไปอาบน้ำ หรือพาออกไปเดินเล่น เด็กๆ ก็จะมาช่วยคุณพ่อคุณแม่ในการเลี้ยงสัตว์ของพวกเขา เวลาสัตว์เลี้ยงไม่สบายก็เป็นห่วงเป็นใยเป็นกำลังใจให้เมื่อเจ้าสัตว์เลี้ยงจากไป ซึ่งการเลี้ยงสัตว์นี้เด็กๆ จะมีความผูกพันกับมัน เห็นคุณค่าและเห็นว่าสัตว์เหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและ  เด็กๆ ก็จะต้องดูแลเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักนี้ด้วยค่ะ เป็นการฝึกความรับผิดชอบอย่างหนึ่งเลยนะคะ

ในการเลี้ยงสัตว์ในบ้านไม่ว่าจะเป็นน้องหมาหรือน้องแมวก็ตามสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการเลี้ยงก็คือ ทางบ้านจะต้องสร้างกฏระเบียบของบ้านไว้อย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เจ้าสัตว์เลี้ยงนั้นไม่ก้าวร้าวเกินไปค่ะ การสร้างกฏระเบียบต่างๆ ก็เช่น เด็กๆ ไม่ควรให้อาหารน้องหมาเวลาที่กำลังกินข้าวอยู่ หรือเด็กๆ ไม่ควรให้น้องหมากินขนม หรืออาจจะเป็นเวลาให้ข้าวกินต้องสั่งให้เจ้าหมานั่งก่อน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นในการฝึกวินัยให้กับเด็กๆ เลยค่ะ

เวลาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างหนึ่งจะทำให้เด็กๆ จะได้สัมผัสกับการที่เขาได้รู้จักการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ช่วยให้เด็กๆ มีความอ่อนโยน มีเมตตา และรู้จักเสียสละมากขึ้น เวลาที่เจ้าสัตว์เลี้ยงรู้สึกเจ็บ เศร้า เหงา หรือดีใจ เด็กๆ ก็จะสามารถรู้สึกกับสัตว์ที่เลี้ยงตามนั้นด้วย เวลาน้องหมาหรือน้องแมวกัดข้าวของเสียหายขึ้นมา เด็กๆ ก็จะรู้จักถึงการให้อภัย และเรียนรู้ในความอดทนที่จะต้องอยู่ร่วมกับมันได้ มีความเห็นอกเห็นใจต่อกัน และยังมอบความรักให้กับสัตว์เลี้ยงไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ว่าเจ้าสัตว์เลี้ยงจะทำผิดอะไรก็ตาม

สมัยนี้จะเห็นได้ว่าเด็กๆ มีการใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ หรือหน้าจอทีวี เมื่อเด็กๆ มีสัตว์เลี้ยงสักตัวเป็นการเบี่ยงเบนกิจกรรมให้กับพวกเค้าได้เป็นอย่างดี เช่น พาน้องหมาหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ออกไปเดินเล่น ทำให้เด็กๆ ได้ขยับร่างกายบ้าง หรือจะเป็นการช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำอาหารให้สัตว์เลี้ยงกิน เป็นต้น นอกจากจะได้ทำกิจกรรมกับสัตว์เลี้ยงแสนรักของเด็กๆ แล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับครอบครัวให้เหนียวแน่นอีกด้วยนะคะ

แน่นอนค่ะ บางเวลาที่เด็กๆ ต้องอยู่บ้านคนเดียวเมื่อคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่บ้าน ถ้าบ้านของเรามีเจ้าสัตว์เลี้ยงแล้วละก็ เด็กๆ ก็จะไม่อยู่ลำพังอีกต่อไป ช่วยให้เด็กๆ อยู่บ้านแล้วรู้สึกว่าเขาไม่ได้ถูกทอดทิ้งไว้อย่างน้อยก็มีสัตว์เลี้ยงที่อยู่เป็นเพื่อนเด็กๆ หรือเวลาเด็กๆ ไม่มีเพื่อนเล่นบอล ก็ถ้ามีเจ้าหมาสักตัวก็คงเป็นเพื่อนเล่นให้กับลูกได้อย่างสนุกสนานเลยค่ะ บางทีเด็กผู้หญิงที่อยู่บ้านคนเดียว อยากจะแต่งตัวน้องแมว ก็หาเสื้อผ้ามาใส่เล่นให้กับเขาได้ แค่นี้เด็กๆ ก็รู้สึกมีความสุข แถมยังมีเพื่อนใหม่ข้างกายที่ไม่ทิ้งกัน

เมื่อเด็กๆ ได้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นน้องหมาหรือน้องแมวก็ตาม พวกเขาก็จะได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อนอย่างแน่นอน เช่น เจอน้องหมากัดรองเท้าสุดโปรด น้องแมวมานอนด้วยบนตัก หรือจะเป็นน้องหมากระโดนเล่นแล้วเกิดแผลถลอก เป็นต้น ซึ่งการที่เด็กๆ ได้เจอกับประสบการณ์เหล่านี้ก็จะทำให้พวกเขามีภูมิคุ้มกันในชีวิตมากขึ้น และยังนำเรื่องราวเหล่านี้ไปเล่าให้กับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนฟังได้อีกด้วย หรือถ้ามีงานแฟร์ต่างๆ ก็สามารถนำสัตว์เลี้ยงแสนรักไปออกงาน ได้แลกประสบการณ์ทำให้เด็กๆ ได้หัดเข้าสังคมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีให้กับเด็กๆ อีกด้วยค่ะ

งานวิจัยของโรเบิต์ต พอร์สกี้ นักจิตวิทยา มหาวิทยาลัย Kansas State University แห่งสหรัฐ ที่ยืนยันว่า การที่เด็กๆ เห็นสุนัขวิ่งไปที่ประตูแล้วรู้ว่ามันต้องการออกไปข้างนอก แล้วเด็กๆ ไปเปิดประตูให้ นั้นแหละคือสิ่งที่เจ้าหมาสอนเด็กๆ เรื่องอีกคิว และนอกจากนี้ การที่ให้เด็กๆ ให้อาหารสัตว์ เทอาหารเม็ดใส่ชาม หรือพาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่นตามลำพัง โดยไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วย ก็เป็นการสอนให้เด็กรู้จักรับผิดชอบเป็นการฝึกพัฒนาการ สร้างการเรียนรู้ และบุคลิกภาพของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

รู้หรือไม่คะว่าการเลี้ยงสัตว์เป็นการช่วยให้เด็กๆ ลดความเครียดได้ โดยเฉพาะน้อง เด็กๆ จะรู้สึกผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัดเจน แถมลดระดับความดันในเส้นเลือดได้อีกด้วย เพียงแค่ลูบๆ ที่ตัวสัตว์เลี้ยงก็จะช่วยให้หัวใจเต้นช้าลง จะทำให้เด็กๆ รู้สึกผ่อนคลายนั้นเอง เพราะฉะนั้น การที่เด็กๆ ได้สัมผัส ได้กอด ได้ลูบสัตว์เลี้ยงจะช่วยให้พวกเขาใจเย็นลง ลดความเครียดแถมยังทำให้สุขภาพกายดีอีกด้วย

ที่มา : issue, bangkokbiznews,dogilike