ครอบครัวถือเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อเด็กเป็นอย่างมาก เด็กจะมีนิสัยใจคออย่างไรก็อยู่ที่พ่อแม่นั่นล่ะค่ะ ยิ่งปัจจุบันพ่อแม่เองต้องเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เครียดอยู่บ่อยครั้ง จนบางทีก็เผลอพฤติกรรมแย่ๆ ออกมาให้ลูกเห็น ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลต่อจิตใจและพฤติกรรมของเด็กได้แบบไม่รู้ตัวเลยค่ะ
ช่วงวัยไหนที่เด็กจะจำและซึมซับสิ่งต่างๆ ได้ดีที่สุด
- ในทางทฤษฎีทางจิตเวชเชื่อว่ามโนธรรมหรือคุณธรรมต่างๆ จะเกิดขึ้นเมื่อเด็กมีอายุ 3 ขวบขึ้นไป หรือในช่วงวัยอนุบาล (3-5 ขวบ) จะจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้มากและเริ่มซึมซับกับเรื่องราวนั้นๆ
พฤติกรรมพ่อแม่แบบไหนที่ทำให้ลูกเครียด
- เข้มงวดกับลูกมากเกินไป
- การคาดหวังในตัวลูกที่สูง
- ห่วงลูกจนเกินเหตุ
- เอาความเหนื่อล้ามาลงที่ลูก
พ่อแม่เครียดส่งผลต่อการจัดการกับลูกได้ยังไงนะ ?
- ขาดสติ อารมณ์ท่วมท้น ทำให้ไม่มีเหตุผลและขาดการไดร่ตรอง
- เครียดและปล่อยทิ้งไว้ ยิ่งใช้อารมณ์รุนแรง โมโห ตีลูก สุดท้ายลูกก็ยิ่งต่อต้าน
- นอนหลับยาก พักผ่อนไม่เพียงพอ ยิ่งเครียดหนัก อาจมีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วย
- ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล เด็กมีแนวโน้มเครียดตามและมีอารมณ์รุนแรงไปด้วย
3 ปรับเพื่อหยุดโมโหลูก เปลี่ยนความเครียดให้เป็นความเข้าใจ
1. ปรับเปลี่ยนมุมมอง
เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเองรู้สึกว่าลูกเรามีพฤติกรรมไม่น่ารัก จริงๆ แล้วหากมองในมุมกลับลูกอาจจะไม่ได้อยากทำตัวไม่น่ารัก แต่ลูกแค่มีปัญหาที่จัดการไม่ได้หรือเปล่า หรือบางทีในพฤติกรรมที่ไม่น่ารักนี้เขาเองอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากแม่ๆ อย่างเราก็ได้ เปลี่ยนความโมโหให้ลองมองมุมกลับ เพื่อเราเองนะคะคุณพ่อคุณแม่
2. ปรับความเชื่อในใจ
เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกโวยวาย ลูกไม่ยอมเชื่อฟัง หรือร้องไห้ ปกติเราเองก็คงจะคิดว่าลูกเอาแต่ใจ และเป็นเด็กที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย บางทีเราเองก็โมโหและเครียดในการจัดการลูก เพราะฉะนั้นเรามาปรับความเชื่อในใจ ให้คิดเสียว่า การที่ลูกดื้อ โวยวายนั้น แปลว่านั่นเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กๆ นั่นแปลว่าลูกมีความคิดเป็นของตัวเอง หรือนั่นคือการสื่อสารทางหนึ่งของลูก เพียงแค่ปรับความเชื่อในใจก็ทำให้เราหยุดโมโหและหายเครียดได้แล้วล่ะค่ะ
3. ปรับพฤติกรรม
อารมณ์หากจัดการได้ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่หากนำอารมณ์แสดงออกมาแล้วจัดการไม่ได้ นั่นล่ะค่ะปัญหามาแน่นอน หากรู้สึกว่าเครียด โมโห ให้คุณพ่อคุณแม่ลองหายใจลึกๆ นับ 1-100 แล้วเดินแยกออกมาแบบสงบๆ ให้อารมณ์ดีเสียก่อน ค่อยคุยกับลูก หรือ หากอารมณ์ไม่ได้จริงๆ ให้เงียบหายไปก่อนเลยค่ะ ไม่เช่นนั้นหากไม่ปรับ อาจจะมีอสูรกาายออกมาจากร่างแม่ๆ ได้อย่างแน่นอน แบบนี้ไม่ดีแน่ค่ะ
เพราะทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นดั่งใจเราปรารถนา บางวันก็สุข บางวันก็เศร้าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ทำทุกอย่างแล้วเพอร์เฟกได้ไปซะทุกอย่างหรอกค่ะ บางวันอาจจะทำได้ทุกอย่างอย่างที่ตั้งใจได้ แต่ถ้าวันไหนเหนื่อยก็ลองพักกายให้สบายใจก่อน งานบ้านไม่เสร็จไม่เห็นจะเป็นไร ลูกดื้อบ้างก็ตามประสาของเด็ก เพียงเท่านี้ก็ลดความเครียดต่างๆ ของคุณพ่อคุณแม่ได้แล้วล่ะคะ
อ้างอิงจาก : เข็นเด็กขึ้นภูเขา, Thai PBS KIDS