จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พบว่ามีการระบาดของสายพันธุ์เดลตาหากแพร่ก้าวกระโดด คาดระบาดในไทยภายใน 2-3 เดือนนี้ โดยอัตราการระบาดของสายพันธุ์นี้เร็วกว่าสายพันธุ์อัลฟา 40%
ซึ่งอาการปัจจุบันพบได้บ่อยที่สุดในหมู่ผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา (สายพันธุ์ B.1.617.2 ที่ตรวจพบครั้งแรกในอินเดีย) คือ ปวดศีรษะ เจ็บคอ และน้ำมูกไหล
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสายพันธุ์ที่พบในประเทศไทย จากตัวอย่างเชื้อที่ส่งข้ามายังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระหว่างวันที่ 7 เม.ย. -13 มิ.ย. จำนวน 5,055 ตัวอย่าง พบว่า ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) 4,528 ราย คิดเป็น 89.6% สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) เพิ่มขึ้น 137 ราย จาก 359 ราย ที่รายงานไปก่อนหน้านี้ เป็น 496 คน พบมากที่สุดใน กทม.สะสม 404 ราย เป็นรายใหม่ 86 ราย
สำหรับ 20 จังหวัดที่พบสายพันธุ์เดลตา คือ กรุงเทพ ปทุมธานี นครนายก สกลนคร พะเยา อุบลราชธานี เชียงราย เพชรบูรณ์ ชลบุรี จันทบุรี ขอนแก่น อุดรธานี เลย บุรีรัมย์ พิษณุโลก สมุทรสาคร ร้อยเอ็ด นนทบุรี สระบุรี และชัยภูมิ
โดยความสามารถในการแพร่เชื้อของสายพันธุ์เดลตา มากกว่าสายอัลฟา 40% ซึ่งต้องมีการจับตาอย่างใกล้ชิด เป็นรายสัปดาห์ หากสถานการณ์ยังทรงๆ อาจจะไม่มีปัญหา แต่หากยังมีการแพร่ระบาดแบบก้าวกระโดด คาดว่า ประมาณ 2-3 เดือน อาจจะเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดมากขึ้น สัดส่วนครึ่งต่อครึ่งกับสายพันธุ์อัลฟา
อ้างอิงจาก
https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30870
https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30868