จากเหตุการณ์สะเทือนใจในช่วงวันที่ผ่านมา นักเรียนชั้นประถมในโรงเรียนของตัวจังหวักกระบี่ น้องภูผา ที่ถูกรุ่นพี่ระดับชั้นมัธยมในโรงเรียนนำซีม่าหรือยาฆ่าเชื้อรามาราดตัวจนทำให้เกิดแผลพุพองทั่วร่างกาย ในตอนนี้เรื่องราวยังคงดำเนินการต่อเมื่อการตรวจสอบพบว่ามีอะไรที่มากกว่าแค่การพลั้งใช้ยาอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณื ซึ่งข้อมูลนั้นสามารถไล่เรียงลำดับได้จากการที่ตัวคุณแม่ของน้องภูผาได้ทำการเดินทางเข้ากทม. ไปให้สัมภาษน์ในรายการโหนกระแสเพื่อเล่าทุกข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
- ในวันจันทร์คุณแม่ได้รับโทรศัพท์จากช่างทำประตูของโรงเรียนว่าเป็นลูกสาวของตนที่ทำการติดต่อมาจึงได้รู้ว่าน้องภูผาหรือลูกชายคนเล็กมีอาการบาดเจ็บตัวไหม้ทั้งตัว
- คุณแม่จึงได้ขอให้คุณพ่อพาไปรับหลังจากทางทีมของการไฟฟ้ามาพบเลยพยายามช่วยปฐมพยาบาลในเบื้องต้นให้ก่อนจะนำตัวส่งแพทย์
- โดยคุณแม่กล่าวว่าในระหว่างที่มีการเดินทางเพื่อไปหาน้องออกมา ทางโรงเรียนไม่ได้มีการจัดการอะไร ไม่พบคุณครูหรือหน่วยงานใดในโรงเรียนแสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจ
- เมื่อพาน้องภูผามาพบแพทย์ น้องได้บอกแม่ว่าถูกรุ่นพี่รุมทำร้าย ทั้งกระทืบอก ผลักให้กระแทกตู้โดยถูกรุ่มโดยนักเรียนที่โตกว่า 2 คน โดยน้องให้การว่าเพราะตนไม่ยอมออกไปวิ่ง เลยถูกพี่ทำร้ายร่างกายเอา
- และผลการตรวจก็เป็นอย่างที่น้องภูผาบอกว่า นอกจากรอยไหม้ของการถูกราดยาซีม่า ยังมีรอยพกช้ำเกิดขึ้นทั่วร่างกาย โดยเฉพาะส่วนของอวัยวะเพศที่ทั้งเขียว, บวมและถลอกไปหมด
- คุณแม่จึงรู้สึกว่านี่ไม่ใช่การไม่รู้และกระทำลงไปแต่เหมือนจงใจรังแกลูกของตน ทำให้คุณแม่ตั้งมั่นที่จะฟ้องทางโรงเรียนที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับลูกของตน ซึ่งยังไม่ทันที่คุณแม่จะได้แจ้งความ ทางรายการโหนกระแสก็ได้ขอเชิญคุณแม่ออกมาพูดถึงเคสที่เกิดขึ้นในรายการเสียก่อน
- เมื่อได้เข้าไปที่รายการคุณแม่จึงเล่าเรื่องที่ตนทราบทั้งหมด รวมถึงทางรายการได้มีการต่อสายให้กับทางผอ. ของโรงเรียนเพื่อให้ได้อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น
- ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นให้ถกเถียงหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการให้นักเรียนเบิกยาอันตรายไปใช้ ซึ่งมีจำนวน 9 ขวด ไม่ใช่ 6 ขวด, ทั้งนี้ยังไม่ยอมส่งน้องภูผาเข้ารักษาทันทีหลังเกิดเรื่องเป็นเพราะกำลังประชุมการต้อนรับสว. ที่กำลังมาเยี่ยมเยียนจนเกือบเกิดอันตรายกับชีวิตของน้องภูผา
- ทางผอ. จึงได้แก้ต่างว่าการไปเตรียมรับสว. มานั้นคือเรื่องจริง แต่หากรู้ว่าน้องผูภาอาจเป็นอันตรายก็จะรีบดำเนินการส่งตัวทัน ทั้งนี้ทางโรงเรียนไม่เฉลียวใจเองจนทำให้เกิดเรื่องขึ้น
- เมื่อถามมาถึงขั้นตอนการลงโทษ ทางผอ. ว่าจะมีการสอบสวนครูประจำที่พัก และจะมีการลงโทษกับตัวนักเรียนที่ทำเรื่องนี้ แต่ตนยืนยันว่าสิ่งที่รุ่นพี่ทำไปเพราะไม่ตั้งใจ และคิดจริงๆ ว่ากำลังช่วยเหลืออยู่
- ในส่วนนี้คุณแม่รู้สึกเห็นต่างเพราะปริมาณยาที่ถูกนำมาใช้กับน้องภูผาเป้นลักษณะถูกราดทั้งตัว ไม่ใช่การทารักษาอย่างที่กล่าวอ้าง ทั้งนี้ยังมีประเด็นอื่นอีกเกี่ยวกับการมาสัมภาษน์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
- คุณแม่เล่าว่าก่อนจะได้มาที่นี่ ทางโรงเรียนได้มีการโทรมาหาคุณแม่เป็นการส่วนตัวเพื่อมอบงินให้จำนวนหนึ่งแลกกับการไม่เผยแพร่เรื่องราวที่เกิดขึ้นซึ่งคุณแม่ไม่เห็นด้วยและได้ทำการบันทึกเสียงเอาไว้เป็นหลักฐานว่าทางโรงเรียนมีเจตนาจะให้ปิดเงียบจริง
- คุณแม่กล่าวว่า หากทางโรงเรียนสนใจ สว. ที่จะมาที่โรงเรียนมากกว่าชีวิตเด็กนักเรียน ตนก็จะขอสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับลูกของตน
ที่มา https://www.sanook.com/news/8358858/ , https://www.thairath.co.th/news/local/south/2057319