Parents One

NEWS: เด็กประถมต้องการสารอาหาร แต่อาหารกลางวันโรงเรียนกลับไม่ได้คุณภาพ !?

จากกรณีที่ให้เด็กนักเรียนกินขนมจีนคลุกน้ำปลาเป็นอาหารกลางวันของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ. สุราษฎร์ธานีนั้นก็ได้มีข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารกลางวันที่ไม่มีคุณภาพของอีกหลายโรงเรียน ซึ่งส่วนใหญ่ถูกสงสัยทุจริตงบอาหารกลางวันของนักเรียน

โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.ขอนแก่น โดยอาหารกลางวันของทางโรงเรียนจะเป็นข้าวเปล่า และแกงฟักใส่หมู ซึ่งจะราดแกงลงไปบนข้าว โดยเน้นตักฟักและมีเศษเนื้อหมูเล็กๆ เพียง 2-3 ชิ้นเท่านั้น

ส่วนอีกโรงเรียนอยู่ในจ.ยะลา โดยอาหารกลางวันที่ให้นั้นไม่ถูกหลักโภชนาการหลัก 5 หมู่ ให้เด็ก อายุ 2 -6 ขวบ กินอาหารเผ็ดๆ เช่น แกงส้ม และแกงกะทิ ซึ่งเด็กก็จะกินได้น้อยเพราะเผ็ด จึงต้องไปซื้อลูกชิ้นในโรงเรียนทานแทน และร้านขายลูกชิ้นก็เป็นร้านของผู้บริหารที่เปิดรอให้เด็ก ๆ ต้องจ่ายเงินซื้อ ทำให้ผู้บริหารได้ประโยชน์สองต่อ 1.ได้ส่วนต่างค่าอาหารลดปริมาณลง 2.ได้เงินจากค่าลูกชิ้นที่เป็นร้านของตัวเอง

นอกจากนี้ เมื่อสืบไปสืบมายังพบว่าโรงเรียนที่ให้เด็กกินขนมจีนคลุกน้ำปลานั้น ยังมีการขายขนมปังทานมข้น โรยน้ำตาลเม็ดเรนโบว์ให้เด็ก ในราคา 5 บาท ซึ่งผอ.ให้ครูขายให้กับเด็กนักเรียน โดยอ้างว่าทำขายให้เด็ก เพื่อเป็นค่าอาหารกลางวันให้ครูและเพื่อให้เด็กได้กินขนมที่มีประโยชน์ (ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้มีประโยชน์เลย)

จากข่าวที่ออกมาจะเห็นว่าเด็กๆ ไม่ได้รับสารอาหารที่พอเพียงจากมื้อกลางวัน ในความเป็นจริงเด็กวัยประถมเป็นวัยที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต และต้องการสร้างเสริมอย่างเต็มที่ อาหารเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก หากกินอาหารที่ไม่มีคุณภาพหรือไม่มีประโยชน์ก็จะส่งผลต่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกายและสมอง

จากข้อมูล ด้านโภชนาการ เมื่อปี พ.ศ. 2552 ของกองโภชนาการ กรมอนามัย สาธารณสุข ระบุว่าเด็กอายุ 9 -13 ปี ต้องการพลังงานวันละ ประมาณ 1,600 กิโลแคลอรีโดยจะต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ตามสัดส่วนคือ ข้าว 8 ทัพพี เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน 6 ช้อนกินข้าว ผัก 4-5 ทัพพี ผลไม้ 2-3 ส่วน และนม 2 แก้ว โดยกินไขมัน น้ำตาลและเกลือในปริมาณเล็กน้อยเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

อ้างอิงจาก