เมื่อหนูน้อยเริ่มเดินได้ หรือวัยกำลังเตาะแตะ คุณพ่อคุณแม่มักประสบปัญหา ลูกหงายหลังหัวฟาดพื้นบ้าง ล้มหัวกระแทกพื้นบ้าง แต่ด้วยความเป็นเด็กเขาก็มักจะห่วงเล่น จนไม่รู้สึกเจ็บเนื้อเจ็บตัวกันเลย
แล้วคุณพ่อคุณแม่จะทราบได้อย่างไรว่า เมื่อลูกน้อยเล่นซนแล้วเกิดหัวกระแทกแบบไหนจึงนจะเป็นอันตรายกับเขา เรามาลองสังเกตอาการกันเลยค่ะ
เมื่อถึงวัยเตาะแตะ หรือกำลังหัดเดินของเด็กๆ แล้ว สิ่งที่มักจะตามมาและเป็นปัญหาสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่นั้นก็คือ อุบัติเหตุ ซึ่งมักเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราๆ ต้องคอยระมัดระวัง แต่ก็มีปัจจัยที่ทำให้ความรุนแรงนั้นแตกต่างกันออกไป ได้แก่
- ตำแหน่งที่ศีรษะกระแทกพื้น
- อายุของเด็ก
- โรคประจำตัว
- ยาที่รับประทานขณะนั้น
อาการที่ต้องสังเกตและต้องรีบพาไปพบแพทย์
หากลูกมีประวัติศีรษะกระแทกพื้น จะมีอาการดังนี้
- อาเจียนบ่อย
- ปวดศีรษะ (รับประทานยาแล้วไม่ทุเลา)
- พูดผิดปกติ กระสับกระส่าย
- ซึมลง ไม่ค่อยเล่น
- ชัก แขนขาอ่อนแรง
- ตาพร่ามัว เดินเซ
- มีรอยช้ำรอบดวงตา หรือหลังหู
- ดูดนมได้น้อยลง
- ในเด็กเล็กร้องไห้โยเย
วิธีการดูแลเมื่อศีรษะกระแทกรุนแรง
- หากลูกหัวโน
คุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลเด็กๆ ภายใน 24 ชั่วโมงแรก โดยการประคบเย็นบริเวณที่บวมปูด เพื่อช่วยลดอาการบวมลง หลังจาก 24 ชั่วโมงไปแล้วให้ประคบร้อน เพราะความร้อนจะทำให้เลือดที่ออกใต้ผิวหนังไหลเวียนได้ดีขึ้นและดูดซึมกลับ ทำให้อาการบวดลดลงนั้นเองค่ะ
- หากศีรษะกระแทกจนมีเลือดออก
คุณพ่อคุณแม่จะต้องใช้ผ้าสะอาดกดแผลห้ามเลือดประมาณ 10 นาที หากเลือดหยุดไหลแล้ว ให้ทำความสะอาดด้วยผ จนสะอาด จากนั้นให้เช็ดรอบแผลด้วย แอลกอฮอล์ หากบริเวณนั้นไม่อยู่ใกล้ใบหน้าให้ใช้เบตาดีนอีกรอบ
แต่หากแผลนั้นลึกเกินไป และมีเลือดออกไม่หยุด ควรประคบเย็นให้ลูกแล้วรีบนำเขาส่งโรงพยาบาลโดยทันทีค่ะ
- หากลูกกระแทกรุนแรง จนมีอาการทางสมอง
หากเด็กๆ ศีรษะกระแทกจนมี อาการซึมลง รับประทานอาหารหรือนมน้อยลง อาเจียน แขนขาอ่อนแรง ปวดศีรษะ ต่างๆ ควรรีบพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยด่วน เพื่อรักษาต่อไปนะคะ
การป้องกันเด็กศรีษะกระแทก
- จัดสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัย
- ในวัยหัดคลาน ควรมีแผ่นรองอเนกประสงค์ที่มีความนุ่มให้กับเด็กๆ
- ในวัยหัดเดิน ควรฝึกลูกบริเวณสนามหญ้านุ่ม หรือหลีกเลี่ยงพื้นที่แข็งๆ ไม่ปลอดภัย
- ดูแลลูกไม่ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวตามลำพัง
ที่มา : Mamaexpert, Pobpad, babimild