เขาบอกกันว่าถ้าเด็กแต่งหน้าไวจะทำให้หน้าแก่ เป็นเรื่องจริงไหมนะ? ถ้าลูกน้อยสนใจแต่งหน้าแต่งตาขึ้นมา ควรให้เขาเล่นกับเครื่องสำอางสักอายุเท่าไรดี? และถ้าลูกเราแต่งหน้าตั้งแต่เด็กๆ เขาจะโตเกินวัย เป็นเด็กแก่แดดไหมนะ?
เป็นปกติที่ลูกน้อยในวัยกำลังซน หรือแม้กระทั่งย่างเข้าสู่วัยรุ่นจะสนใจในความสวยความงาม วัยเด็กอาจจะอยากแต่งตัวตามบทบาทสมมติ แต่งหน้าทาลิปสติกตามคุณแม่ แค่ได้เห็นแก้มแดงๆ ในกระจกก็มีความสุขแล้ว ส่วนในวัยใสก็อยากจะเพิ่มสีสันให้กับใบหน้าของตัวเอง หรือต้องการจะแสดงตัวตนผ่านศิลปะบนใบหน้า
เรื่องแต่งหน้ากับลูกน้อยนั้นถือเป็นหัวข้อที่คุณพ่อคุณแม่และสังคมต่างมีความเห็นแตกต่างกัน ถือว่าเป็นปัญหาโลกแตกเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าพอพูดถึงเรื่องนี้ ก็จะมีคำถามว่าเจ้าหนูนั้นเด็กเกินไปสำหรับเครื่องสำอางหรือเปล่า
วันนี้ Parents One จึงอยากมาอธิบายถึงประโยชน์ในการเล่นแต่งหน้าของเจ้าหนู และสิ่งที่ควรคำนึงถึงหากจะให้ลูกน้อยแต่งหน้าค่ะ จะเป็นอะไรกันบ้าง เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
ทำไมเจ้าหนูถึงอยากแต่งหน้า?
คุณพ่อคุณแม่ก็คือไอดอลของลูก ส่วนหนึ่งของการเติบโตและพัฒนาการของเด็กก็คือการเลียนแบบผู้ใหญ่นั่นเอง คุณแม่เคยสังเกตเวลาแต่งหน้าแล้วเจ้าหนูเข้ามามองตาแป๋วอยู่ข้างโต๊เครื่องแป้ง หรือพยายามเลียนแบบ เอาแป้งมาผัดหน้า แอบเอาลิปสติกคุณแม่มาทาปากบ้างไหมคะ? เพราะเขาเห็นว่าคุณแม่แต่งหน้าแล้วสวย มีสีสันสดใส อยากสวยเหมือนแม่บ้าง จึงอยากแต่งหน้าบ้าง และแน่นอนว่าลิปสติกสีชมพูสวย อายชาโดว์กลิตเตอร์ระยิบระยับ ย่อมมัดใจเจ้าหนูได้อยู่แล้ว
ถ้าลูกเข้าสู่วัยแรกรุ่น จุดประสงค์ที่เขาอยากแต่งหน้าอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง อาจเป็นความต้องการที่จะเข้าสังคม เป็นที่ยอมรับในหมู่มาก หรือเป็นความกังวลและไม่มั่นใจในหน้าตาของตัวเอง
แต่เด็กส่วนมากที่ชื่นชอบการแต่งหน้านั้น เพียงแค่มีความสุขเวลาได้เห็นหน้าตัวเองถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสดใส มองว่าเป็นการละเล่นที่แสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา โดยเฉพาะหากเด็กคนนั้นมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว ใบหน้าของเขาก็เปรียบเสมือนผ้าใบรอการแต่งแต้ม ไม่ต่างจากวาดรูประบายสีเลยค่ะ
ประโยชน์ของการแต่งหน้า
เพราะวัยเด็กก็คือวัยแห่งการเรียนรู้ และเป็นปกติที่เขาจะอยากรู้อยากลอง พอเป็นเรื่องแต่งหน้าแล้วอาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่กังวลบ้าง ว่าลูกเราจะโตเกินวัยรึเปล่า
ซึ่งอันที่จริงแล้วการแต่งหน้าก็เป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่ง เหมือนกับเขาวาดรูประบายสีเพียงแค่เปลี่ยนกระดาษเป็นใบหน้าแทน อย่างที่กล่าวไว้ในข้อที่แล้วค่ะ และการส่งเสริมให้เขาได้รู้จักการแต่งหน้านั้นยังมีประโยชน์ ไม่ต่างจากการส่งเสริมให้เขาทำงานอดิเรกที่ชอบเลยแม้แต่น้อย อาทิเช่น
- ส่งเสริมความมั่นใจ
- เสริมสร้างจินตนาการ
- ช่วยเรื่องบุคลิกภาพ
- สอนให้เขารู้จักรักตัวเอง
- สามารถต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคตได้
และเมื่อเขาโตขึ้น เขาจะไม่รู้สึกเคอะเขินกับการแต่งตัวหรือดูแลตัวเองอีกด้วยค่ะ
เด็กไปไหม ไวไปหรือเปล่า?
คำถามนี้ไม่มีคำตอบตายตัวซะทีเดียว เพราะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เด็กเริ่มสนใจในการแต่งหน้า ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่ลูกน้อยทำ ถ้าลูกน้อยเป็นนักเต้น นักแสดงในงานโรงเรียน ก็คงหนีไม่พ้นกับการแต่งหน้าตั้งแต่ยังเด็ก หรือว่าจะเป็นสังคมที่หล่อหลอมให้เขาสนใจเรื่องความสวยความงาม ความคิดเห็นของพ่อแม่ต่อการแต่งหน้า สถานภาพการเงินและอีกมากมาย
เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะสนใจแต่งหน้าตั้งแต่ยังเด็ก บางคนอาจจะไม่แตะเครื่องสำอางจนโตไปเลยก็มี ทางที่ดี ถ้าคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าเจ้าตัวเล็กสนใจ ควรคุยกับเขาเรื่องการแต่งหน้าตั้งแต่เนิ่นๆ และส่งเสริมให้เขาทำในสิ่งที่ชอบต่อไปค่ะ
มากน้อยแค่ไหน จุดสมดุลย์ของครอบครัว
อะไรที่มากน้อยเกินไป ก็ใช่ว่าจะดี การแต่งหน้าก็เช่นกันค่ะ การที่จะให้เจ้าหนูได้ลองแต่งหน้านั้น คุณพ่อคุณแม่ก็ควรจำกัดขอบเขตไว้ตามสมควร หากเห็นว่าลิปสติกสีแดงสดอาจจะแรงเกินไป หรือแต่งหน้าหนาเตอะก็คงไม่น่ารักสมวัย ก็ให้ทาลิปกลอสหรือลิปสีอ่อนแทน แล้วเมื่อเขาโตขึ้น ค่อยปรับขอบเขตให้เหมาะกับวัยค่ะ
แต่เด็กส่วนมากนั้นมีความสุขกับลิปกลอส แก้มชมพูใสและอายชาโดว์สีสวยอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้มากจนเกินไปค่ะ
แต่งหน้าแล้วแก่ไวจริงไหม? สิ่งที่ควรคำนึงถึงหากให้ลูกแต่งหน้า
กลับมาที่คำถามที่คุณพ่อคุณแม่น่าจะเป็นกังวลที่สุดหากจะให้เจ้าหนูแต่งหน้า ว่าแต่งหน้าแล้วจะแก่ไวหรือไม่ ซึ่งเราขอตอบว่ามีส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมดค่ะ
หากจะให้เจ้าหนูแต่งหน้า ก็ควรมาควบคู่กับการทำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าของเขาหลังจากนั้นด้วย โดยเฉพาะการทำความสะอาดที่รุนแรงอาทิเช่นการถูไปมา อาจทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นและนำไปสู่การมีริ้วรอยก่อนวัยได้
เครื่องสำอางคุณแม่ใช้กับคุณลูกได้ไหม?
ด้วยผิวของเด็กนั้นบอบบางกว่าผิวของผู้ใหญ่มาก จึงไม่ควรให้เด็กใช้เครื่องสำอางสำหรับผู้ใหญ่ค่ะ เพราะส่วนผสมในเครื่องสำอางปกตินั้นมีสารเคมีที่แม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายสำหรับเราๆ แต่อาจทำให้ผิวลูกก่อเกิดความระคายเคืองได้ และถ้าหากใช้มากเข้า อาจทำให้ผิวของเขาอ่อนแอในระยะยาวได้ค่ะ
เลือกเครื่องสำอางเด็กยังไงดีนะ?
เครื่องสำอางที่เขาใช้นั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะผิวเด็กนั้นบอบบางกว่าผิวผู้ใหญ่มาก เครื่องสำอางที่เขาใช้ก็ควรมีมาตรฐาน ได้รับการรองรับแล้วว่าปลอดภัยสำหรับผิวเด็ก
ควรเลือกเครื่องสำอางสำหรับเด็กที่ปลอดสารเคมี ทำจากธรรมชาติ ถึงแม้จะบริโภคเข้าไปก็ไม่เป็นไร ล้างออกง่าย ไม่ควรมีส่วนผสมของแป้งทัลก์ พาราเบน น้ำมันมิเนอรัล และแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทแป้งมากกว่าน้ำหรือครีม เพราะผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ไม่ระคายเคืองผิวเท่าแบบน้ำหรือครีมค่ะ
แต่งหน้า ไม่ใช่เพื่อปกปิดจุดด้อยของตัวเอง
อย่างไรก็แล้วแต่ บางครั้งสังคมยังมีความเชื่อว่าจุดประสงค์ของการแต่งหน้านั้นมีไว้ปกปิดจุดด้อยของตัวเอง หรือไว้สำหรับยั่วยวนเพศตรงข้ามเท่านั้น ซึ่งเป็นชุดความคิดที่ไม่สมควรปลูกฝังให้แก่ลูกน้อยค่ะ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกน้อยสนใจแต่งหน้า ควรเน้นย้ำถึงการแสดงออกและความสนุกที่ได้จากมันมากกว่าความสวยงาม ปล่อยให้เขาได้ทดลองและมีอิสระในการเล่นของเล่นของเขา ในขณะที่เราคอยดูแลใกล้ๆ ค่ะ
ส่วนคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเข้าสู่วัยว้าวุ่น เริ่มรักสวยรักงาม พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจว่าการแต่งหน้านั้นมีไว้เพื่อเน้นจุดเด่นของเขาให้สวยขึ้น ไม่ใช่ปกปิดจุดด้อยทุกอย่างที่ไม่พึงประสงค์ และไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ลูกน้อยของเราต่อให้แต่งหน้าหรือไม่ ก็จะเป็นคนสวย คนหล่อของพ่อแม่ที่สุดตลอดไปนะคะ