“โอเมก้า” มักจะเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ได้ยินกันบ่อยๆ ว่าเป็นหนึ่งในสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อเจ้าตัวเล็ก โดยอาจจะได้ยินกันว่ามักจะเจอโอเมก้าในปลาทะเลน้ำลึก แต่จริงๆ แล้ว ปลาน้ำจืดของไทยก็มีโอเมก้าอยู่เหมือนกัน และโอเมก้าไม่ได้มีแค่ชนิดเดียวแต่มีถึง 3 ชนิดด้วยกัน วันนี้เราจึงจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปรู้จักกับโอเมก้าให้มากขึ้นเพื่อให้เด็กๆ ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ค่ะ
โอเมก้า 3
คือกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน เป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย (Essential fatter acid) แต่ร่างกายกลับไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ เราจึงจำเป็นต้องได้รับจากการกินอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3
โดยกรดไขมันโอเมก้า 3 มี 3 ชนิด คือ
- ALA (Alpha-Linolenic Acid) เป็นกรดไขมันตั้งต้นที่ช่วยให้เกิด EPA และ DHA ร่างกายผลิตเองไม่ได้จึงต้องกินอาหารอื่นๆ นั่นเอง
- EPA (Eicosapentaenoic Acid) ช่วยลดการอักเสบและลดความเครียดได้ด้วย
- DHA (Docosahexaenoic Acid) มีความสำคัญในการพัฒนาและทำหน้าที่ของระบบประสาท ระบบสายตา และระบบสมอง
โอเมก้า 3 อยู่ในไหน
- ปลาและอาหารทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาจาระเม็ดขาว ปลาสวาย ปลาช่อน ปลาดุก
- ถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท หรือเมล็ดฟักทอง
- น้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง หรือน้ำมันคาโนล่า
ประโยชน์ของโอเมก้า 3
- มีประโยชน์ต่อคนท้อง : DHA มีความสำคัญในการพัฒนาและการทำหน้าที่ของระบบประสาท ระบบสายตา และระบบสมอง ของทารกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด และ 6 เดือนแรกหลังคลอด
- ประโยชน์สำหรับเด็ก : ช่วยพัฒนาการทำงานของสมองและจิตใจ เพิ่มสมาธิ ความจำระยะสั้นและ ทักษะในการอ่าน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยปกป้องกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ
โอเมก้า 6
คือกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ แต่มีความสำคัญกับร่างกายและจำเป็นต่อร่างกาย (Essential fatter acid) โดยสามารถรับได้จากอาหารที่กินเช่นกัน ปกติเราจะได้รับกรดไขมันโอเมก้า 6 อย่างพอเพียงอยู่แล้ว และในบางครั้งก็อาจจะมากไปด้วยซ้ำ เพราะเป็นกรดไขมันที่มักจะอยู่ในน้ำมันที่เราใช้ปรุงอาหาร ซึ่งกรดไขมันโอเมก้า 6 จะช่วยถ่วงสมดุลกับกรดไขมันโอเมก้า 3
โอเมก้า 6 อยู่ในไหน
- น้ำมันพืช ถั่วเหลือง ทานตะวัน อิฟนิ่งพริมโรส คาโนลา รำข้าว, จมูกข้าว น้ำมันรำข้าว และถั่วชนิดต่างๆ
ประโยชน์ของโอเมก้า 6
- มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย การทำงานของสมองและหัวใจ ช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนให้อยู่ในระดับปกติ
- ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ช่วยลดและชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย
- ช่วยให้เลือดแข็งตัวได้ง่ายขึ้น จึงทำให้ร่างกายมีระบบไหลเวียนโลหิตที่สมบูรณ์
การกินกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 ในอัตราส่วนที่สมดุลกันนั้นมีผลสำคัญต่อระบบหัวใจและระบบหมุนเวียนโลหิต โดยทั่วไปร่างกายต้องการกรดไขมันโอเมก้า 6 มากกว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 ประมาณ 3 : 1 จนถึง 5 : 1 เท่า แต่ถ้าหากร่างกายได้รับกรดไขมันโอเมก้า 6 มากเกินไปก็จะการอักเสบในร่างกาย เพิ่มการเกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือด เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจได้ จึงควรกินให้สมดุลกัน
โอเมก้า 9
คือกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว เป็นกรดไขมันที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นมาเองได้จากการดึงกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 มาใช้ จึงไม่ได้ถูกจัดกลุ่มให้อยูในกรดไขมันจำเป็น (Essential fatter acid) แต่ก็ถือว่าเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายไม่ใช่น้อยเลย
โอเมก้า 9 อยู่ในไหน
- น้ำมันมะกอก คาโนลา น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน งา ถั่วพิสตาชิโอ อัลมอนด์ และอะโวคาโด
ประโยชน์ของโอเมก้า 9
- ช่วยในการทำงานของโอเมก้า 3 และ 6 ในการสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์สมองโดยเฉพาะในเด็กทารก
- ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายทำงานปกติและมีประสิทธิภาพ
- หัวใจ สมอง ตับ ไต และอวัยวะอื่นๆ ทำงานได้ดีขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง