การลงทุนเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสนใจ และควรจะศึกษาให้ดี เพราะการลงทุนเป็นการเก็บเงินเพื่อเจ้าตัวเล็กที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าการเก็บเงินไว้ในธนาคารเฉยๆ ซึ่งสำหรับนักลงทุนมือใหม่แล้ว การซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง LTF และ RMF ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย ยิ่งซื้อ LTF ได้ปีสุดท้าย ยิ่งไม่ควรพลาด ดังนั้นเราไปทำความเข้าใจในเรื่องของกองทุน LTF และ RMF ให้มากขึ้น เพื่อเก็บเป็นเงินออมให้ลูกกันเถอะค่ะ
ทำไมต้องซื้อกองทุน LTF และ RMF ?
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกองทุนลดหย่อนภาษีทั้ง 2 แบบอย่างง่ายๆ กันก่อน
กองทุน LTF (Long Term Equity Fund) หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว เป็นกองทุนรวมที่เน้นการลงทุนในหุ้นเป็นหลัก ส่วนกองทุน RMF (Retirement Mutual Fund) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนรวมเพื่อการลงทุนระยะยาวแล้วเอาไว้ใช้ในยามเกษียณ ซึ่งเหตุผลหลักๆ ในการซื้อกองทุนทั้ง 2 แบบก็คือเพื่อเป็นการเก็บเงิน ด้วยการลงทุนระยะยาว ดีกว่าฝากประจำค่ะ
อีกเหตุผลที่ทำให้การซื้อกองทุน LTF และ RMF น่าสนใจคือสามารถนำยอดเงินที่ใช้ลงทุนไป “ลดหย่อนภาษี” ได้ แต่อาจเคยได้ยินกันมาบ้างว่าในปีนี้กองทุน LTF จะเป็นปีสุดท้ายที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษี แต่ถึงอย่างนั้นอย่าเพิ่งตกใจนะคะว่ากองทุนจะปิด หรือมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า เพราะจริงๆ แล้วกองทุนยังคงมีอยู่และมีการลงทุนตามปกติ แต่ถ้าอยากนำไปลดหย่อนภาษี รีบซื้อกองทุน LTF ภายในสิ้นปีนี้ยังทันนะคะ
ข้อแตกต่างระหว่าง LTF และ RMF คืออะไร ?
มาถึงจุดนี้คุณพ่อคุณแม่อาจสงสัยว่าระหว่างกองทุน LTF และ RMF มีความแตกต่างกันยังไง ความแตกต่างของทั้ง 2 กองทุนนี้แบ่งออกให้เข้าใจง่ายก็จะมีอยู่ 3 ด้านหลักๆ คือ ระยะเวลาในการถือกองทุน จำนวนการลงทุนขั้นต่ำ และความต่อเนื่องในการลงทุน
สำหรับกองทุน LTF จะเป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ที่มีระยะเวลาในการถือกองทุนอยู่ที่ 7 ปีปฏิทิน เราถึงจะสามารถขายกองทุนได้โดยไม่ผิดเงื่อนไข ซึ่งสามารถลงทุนได้โดยไม่มีขั้นต่ำ แต่ว่าลงทุนครั้งนึงต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้ในปีนั้นๆ และไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ซื้อ LTF ได้ ดังนั้นควรซื้อให้เต็มสิทธิ์ไปเลย
ส่วนกองทุน RMF เป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนที่ไม่กำหนดอายุของผู้ซื้อแต่มีเงื่อนไขว่า ผู้ที่ซื้อกองทุนจะต้องถือกองทุนนี้อย่างน้อย 5 ปีและถือยาวๆ ไปจนถึงอายุ 55 ปี ที่สำคัญคือจะต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องในทุกปี หรือถ้าจะพัก ก็พักได้ไม่เกิน 1 ปี หากพูดง่ายๆ ก็คือสามารถซื้อปีเว้นปีได้ นอกจากนี้ยังมีการกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้ หรือไม่น้อยกว่า 5,000 บาทต่อปี ลงทุนครั้งนึงต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้ในปีนั้นๆ อย่าลืมว่าเมื่อรวมกับ กบข., กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนครูโรงเรียนเอกชน, ประกันชีวิตแบบบำนาญ และกองทุนการออมแห่งชาติแล้วไม่เกิน 500,000 บาท
พ่อแม่ควรซื้อกองทุนไหนเพื่อลูก ?
ประโยชน์ในการซื้อกองทุนทั้ง 2 แบบ คือ กองทุน RMF จะลงทุนเพื่อเป็นการเก็บเงินไว้ใช้บั้นปลายชีวิตของคุณพ่อคุณแม่ ส่วน LTF ที่ลงทุนระยะเวลาไม่นานเท่าจะเป็นการลงทุนเก็บเงินเพื่อเป็นเงินออมในอนาคตให้ลูก
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่สนใจจะเก็บเงินแบบยาวๆ เน้นเก็บอย่างสม่ำเสมอก็แนะนำกองทุนแบบ RMF ค่ะ เพราะด้วยความที่เป็นกองทุนที่ต้องถือในระยะยาว แน่นอนว่าย่อมได้เงินเก็บเป็นเงินก้อนใหญ่หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่เกษียณ รวมไปถึงทำให้คุณพ่อคุณแม่ใช้ชีวิตในช่วงหลังเกษียณได้อย่างสบายๆ อีกด้วย และนอกจากจะทำให้ได้เงินเก็บจำนวนมากแล้ว ยังสามารถใช้เรื่องนี้ในการสอนให้ลูกรู้จักการเก็บเงินแบบมีวินัย ซึ่งการมีวินัยในการเก็บเงินถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะสร้างให้ลูกเป็นคนที่รู้จักอดออมและสนใจที่จะมีเงินเก็บเพื่อตัวของเขาเองในอนาคต
ส่วนครอบครัวที่ยังไม่แน่ใจในความพร้อมเรื่องการใช้เงินของครอบครัว แนะนำให้เลือกกองทุน LTF ที่ไม่ได้ใช้ระยะเวลาในการลงทุนที่นานมากนัก นอกจากนี้ระยะเวลาในการลงทุนปีนี้ยังค่อนข้างพอเหมาะพอดีกับระยะเวลาในการเปลี่ยนชั้นปีของลูกอีกด้วย เช่น หากเราซื้อกองทุนตอนลูกอยู่อนุบาล 3 พอเขาขึ้นชั้นมัธยมอีกประมาณ 6 ปีเต็ม เราก็จะมีเงินก้อนสำหรับค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียนของลูก เพราะการเปลี่ยนชั้นปีในแต่ละครั้งค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่น้อยใช่ไหมล่ะคะ
แต่ถ้าจะให้แนะนำ หากว่ามีความพร้อมก็อาจจะซื้อกองทุนเก็บไว้ทั้ง 2 แบบเลยก็ได้ โดยอาจจะแบ่งซื้อกันระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่ เพราะแต่ละกองทุนก็ให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกัน แต่ก็ควรศึกษาข้อมูลและพูดคุยกันให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจที่จะลงทุน และเลือกคู่กองทุนที่แข็งแกร่งและมั่นคงสำหรับภาวะของตลาดในตอนนี้ค่ะ
เลือกกองทุน LTF และ RMF ยังไงดี ?
ในปัจจุบันกองทุน LTF และ RMF นั้นมีให้เลือกมากมายอยู่เต็มท้องตลาด สำหรับคุณพ่อคุณแม่นักลงทุนมือใหม่แล้วก็คงเป็นเหมือนการอยู่ในตลาดปลาขนาดใหญ่ ที่มีโจทย์ว่าต้องหาปลาที่สดที่สุดเพื่อนำกลับมาทำกับข้าวให้ครอบครัว การเลือกกองทุนก็เช่นกัน เราต้องเลือกกองทุนที่ดีและเหมาะสมกับการลงทุนของเรามากที่สุด ซึ่งหลักการง่ายๆ ในการเลือกกองทุนทั้ง LTF และ RMF มี 3 อย่างที่ต้องดูค่ะ คือ
อย่างแรกคือเรื่องของผลตอบแทน แน่นอนว่าเมื่อมีการลงทุน ทุกคนก็ต้องหวังผลตอบแทนที่ดี แต่ที่สำคัญกว่าคือความสม่ำเสมอของผลตอบแทนนั้นๆ ค่ะ โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะไปดูผลตอบแทนของแต่ละกองทุนที่เราสนใจย้อนหลังสัก 3-5 ปี เพื่อดูกว่ากองทุนไหนที่มีผลตอบแทนสม่ำเสมอ รวมถึงประวัติในการจ่ายปันผล เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
ในเรื่องต่อมาคือกองทุนนั้นต้องอยู่ในความเสี่ยงที่คุณพ่อคุณแม่รับได้ กองทุน LTF เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงเพราะลงทุนในหุ้นไทยเท่านั้น ส่วนกองทุน RMF เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำไปจนถึงสูงเพราะมีหลายนโยบาย และกระจายการลงทุน ดังนั้นในการเลือกกองทุนที่จะซื้อก็ควรต้องสำรวจกันก่อนว่าพร้อมที่จะรับความเสี่ยงกันขนาดไหนค่ะ
และสุดท้ายคือความน่าเชื่อถือและความมั่นคงของกองทุนที่เราจะซื้อนั่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ที่เราต้องเอาเงินไปไว้กับคนที่น่าเชื่อถือ เพื่อมั่นใจว่าเงินของเราจะไม่หายไปไหน แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ควรศึกษาหาข้อมูลให้ดี และทำความเข้าใจเบื้องต้นว่าการลงทุนก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ดีนะคะ ดังนั้น ควรถือระยะยาว จะช่วยลดความเสี่ยงได้ดี
เมื่อการลงทุนเป็นการตัดสินใจที่ต้องศึกษาหาข้อมูลให้ถี่ถ้วน การเลือกซื้อกองทุน LTF และ RMF จากสถาบันการเงินเดียวกันก็มีความสะดวก และมีโอกาสรับผลตอบแทนกันแบบยาวๆ เหมือนกับกองทุน KDLTF และ KEQRMF คู่กองทุนแกร่ง ตัวเลือกการลงทุนที่ดีที่สุดในตอนนี้ของกสิกรไทยนั่นเอง
KDLTF และ KEQRMF คู่กองทุนแกร่ง ตัวเลือกการลงทุนที่ดีที่สุดในตอนนี้
ถึงเศรษฐกิจจะผันผวน แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราก็อย่ากลัวการลงทุนเพื่อลูกนะคะ ยิ่งลงทุนกับบลจ.ใหญ่อย่างกสิกรไทยที่เพิ่งได้รับรางวัลบลจ.ยอดเยี่ยม SET Awards 2019 ถึง 2 ปีซ้อน ก็ยิ่งมั่นใจได้มากกว่า ลงทุนคู่กันปีสุดท้ายให้เต็มสิทธิ์ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนกันยาวๆ กับคู่กองทุนแกร่ง พิชิตทุกสภาวะ
- กองทุน KDLTF : ลงทุนหุ้นใหญ่ปันผลสูงสุดของกสิกรไทย ปันผลต่อเนื่องตั้งแต่จัดตั้ง 24 ครั้ง รวมเป็นเงิน 10.37 บาทต่อหน่วย (กองทุนจัดตั้ง ณ วันที่ 19 ต.ค. 2547)
- กองทุน KEQRMF : ลงทุนหุ้นใหญ่เช่นกัน โดยกองทุนได้ 4 ดาว Morningstar และติด Top 5 อันดับกองทุนผลตอบแทนย้อนหลัง 7 ปีที่สูงที่สุด (ข้อมูล ณ 31 ต.ค.62)
นอกจากนี้ทั้งกองทุน KDLTF และ KEQRMF ยังเป็นกองทุนที่มียอดขายอันดับหนึ่งจากกสิกรไทย ถือว่าเป็นกองทุนยอดนิยมทีเดียวค่ะ
ส่วนการซื้อก็ทำได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS หรือ K-My Funds พิเศษซื้อกองทุน LTF และ/หรือ RMF กสิกรไทย ผ่านแอป ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.-30 ธ.ค.62 รับ Starbucks e-Coupon สูงสุด 500 บาท*
หากคุณพ่อคุณแม่คนไหนสนใจก็สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/360ES3b
จะเห็นได้ว่าการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง LTF และ RMF เป็นการเก็บเงินเพื่อเพิ่มพูนให้เงินงอกเงยขึ้น ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานทางการเงินที่มั่นคงให้แก่เจ้าตัวเล็กแบบที่คุณพ่อคุณแม่นักลงทุนมือใหม่ก็สามารถทำความเข้าใจ และลงทุนไปกับกองทุนนี้ได้อย่างง่ายๆ เลยล่ะค่ะ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บลจ.กสิกรไทยกำหนด
- ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- เงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกนำไปคำนวณ หรือไม่คำนวณภาษีเงินได้ประจำปี
#KAsset #KDLTF #KEQRMF #คำตอบที่ใช่ของการลงทุน