เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกสบาย ยิ่งคุณพ่อคุณเเม่หลายท่านที่เคยผ่านความยากลำบากมา ยิ่งอยากให้ลูกสบายกว่าตัวเองขึ้นไปเป็นไหนๆ เเต่บางครั้งการทำทุกอย่างให้ลูกก็เป็นดาบสองคมที่ทำให้กลายเป็นเด็กขาดความอดทน มาดูกันว่าเราจะใส่ความลำบากไปในชีวิตลูกประมาณไหนถึงจะพอดีกับเขานะ
1. อย่าเข้าไปช่วยทันทีเวลาคับขัน
เวลาที่ลูกเริ่มมีปัญหาคุณพ่อคุณเเม่ไม่ควรเข้าไปช่วยลูกทันที เเต่ควรปล่อยให้ลูกลองเรียนรู้ เเล้วเเก้ปัญหานั้นเองก่อน เช่น เมื่อลูกปั่นจักรยานเเล้วล้ม ก็ไม่ควรเข้าไปโอ๋เพื่อช่วยเลยทันที หรือบางครั้งที่ลูกมีปัญหาเข้ามาก็ควรดูว่าลูกเราใช้วิธีการแก้ปํัญหาแบบไหน เเล้วค่อยๆ ดูว่าจะเสริมจุดไหนได้บ้าง
2. ฝึกให้ลูกทำอะไรเอง
การให้ลูกทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองไม่ว่าจะเป็น การกินเอง เเต่งตัวเอง หยิบของเอง นอกจากช่วยสร้างวินัยให้เด็ก ยังทำให้เด็กมีความมมั่นใจว่าสามารถช่วยเหลือตนเองได้ เพราะในความจริงเด็กๆ เก่งกว่าที่เราคิด คุณพ่อคุณเเม่เพียงเเค่ต้องกระตุ้นให้เขาทำสิ่งต่างๆ เท่านั้น ความมั่นใจที่ได้จะเกิดเป็นมุ่งมั่นพร้อมอยากทำให้ดีขึ้นไปอีก
3.ฝึกให้ลูกควบคุมอารมณ์
บางครั้งที่ลูกเเสดงอาการโมโหออกมา คุณพ่อคุณเเม่ก็ไม่ควรจะไปโมโหตามลูกนะคะ อยากให้พยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้เพื่อเป็นต้นเเบบกับลูก เพราะเด็กๆ มักเลียนแบบการเเสดงออกของพ่อเเม่เเล้วทำตาม หลังจากนั้นพอลูกอารมณ์นิ่งเเล้วก็มาสอนเขาว่าควรเเสดงออกแบบไหนถึงจะเหมาะสมค่ะ
4. ให้ลูกเจอความลำบากบ้าง
การให้ลูกเจอความลำบากบ้างเป็นการสร้างภูมิต้านทานชั้นดีเลย ซึ่งความลำบากที่ว่าอาจไม่ได้หมายความว่าต้องให้ลูกเราไปแบกหาม คลุกโคลน หรือทำอะไรที่ดูวิบากๆ เเต่อาจให้เขาออกไปสัมผัสธรรมชาติลองจับดินปลูกต้นไม้บ้าง ลองเปิดพัดลมเเทนการใช้แอร์ หรือฝึกให้ดูเเลพาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่นในสวน เเทนการนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านในวันหยุดก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีค่ะ
คุณพ่อคุณเเม่อาจต้องฝืนใจเพื่อฝึกลูกบ้าง เพราะ “ภูมิต้านทานความลำบาก” เป็นเหมือนยาขมที่จะช่วยสร้างให้เขาเติบโตไปแบบมีร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์ และจิตใจที่เข้มแข็งพร้อมๆ กัน
ขอบคุณข้อมูลจาก หมอเสาวภา เลี้ยงลูกเชิงบวก