Parents One

คุยกับลูกอย่างไรให้เข้าใจเรื่อง COVID-19

COVID-19 กลายเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และได้รับการพูดถึงอย่างแพร่หลาย ซึ่งในโลกออนไลน์ก็มักจะมีข่าวสารต่างๆ เกิดขึ้นอย่างมากมาย ผู้ใหญ่อาจะเข้าใจสถานการณ์เหล่านี้ได้ง่าย แต่ในเด็ก เขาจะรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นนี่จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะพูดคุยกับลูกในเรื่องนี้กับลูกอย่างถูกต้อง วันนี้เราจึงมีแนวทางในการคุยกับลูกเกี่ยวกับเรื่อง COVID-19 มาฝากค่ะ

สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ

พ่อแม่ต้องมีสติ (ไม่ใช่วิตกกังวลไปจนเกินเหตุ) : ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ พ่อแม่คือคนสำคัญที่จะเป็นเหมือนเสาหลักของลูก ดังนั้นพ่อแม่ต้องมีสติ หากเราเสพข่าวมากเกินไปแล้วมัวกังวลจนไม่ทำอะไร แสดงออกถึงความกังวลอยู่ตลอดเวลา ลูกที่กำลังมองเราอยู่ก็ต้องเห็นถึงความกังวลนี้ แล้วเขาก็จะรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้เลวร้ายมาก จนรู้สึกกลัวและเป็นกังวลตามไปหมด

พ่อแม่ต้องรับข้อมูลอย่างถูกต้อง : แน่นอนว่าในโลกที่ข่าวสารวิ่งและแพร่กระจายออกไปได้อย่างรวดเร็ว ก็ย่อมมีทั้งข่าวที่เป็นเรื่องจริงและข่าวปลอม ดังนั้นพ่อแม่จึงควรที่จะต้องรับข่าวสารต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณ และใช้การวิเคราะห์ข่าวสารต่างๆ ให้ดี เพื่อที่เราจะได้นำข่าวสารต่างๆ เหล่านั้น ไปถ่ายทอดให้ลูกต่ออย่างถูกต้อง

ทำให้ลูกเห็นว่าการดูแลตัวเองเป็นเรื่องปกติ : การเริ่มต้นดูแลตัวเอง ต้องเริ่มต้นจากตัวเองเพื่อทำให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่าง เพราะเด็กมักจะเลียนแบบจากสิ่งที่เขาเห็น ถ้าลูกเห็นว่าพ่อแม่สวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอ พยายามไม่จับหน้าและ ล้างมือบ่อยๆ เขาก็จะซึมซับและทำตามในที่สุดค่ะ 

จัดการเรียนรู้โดยครอบครัว : เมื่อลูกไม่ได้ไปโรงเรียน การเรียนรู้ของลูกก็อาจชะงักลง สิ่งที่พ่อแม่ทำได้ก็คือ ใช้ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันที่บ้านจัดการเรียนรู้โดยครอบครัวขึ้น โดยสิ่งพ่อแม่สามารถสอนได้ก็คือ ฝึกทักษะลูกให้รู้เท่าทันสื่อ โดยหยิบยกข้อมูลเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ว่าข้อมูลใดเป็นข่าวจริง หรือข่าวปลอม มีการจัดชั่วโมงการอ่านหนังสือร่วมกัน รวมไปถึงได้ลองลงมือทำอะไรจริงๆ เช่น ทำกับข้าว ปลูกต้นไม้ 

 

สิ่งที่พ่อแม่ควรคุย

คุยอย่างตรงไปตรงมา อย่าขู่ : เรื่องนี้คือเรื่องที่สำคัญมากๆ เราควรบอกลูกตรงๆ ว่าช่วงนี้สถานการณ์เป็นยังไง เกิดอะไรขึ้น เช่น “ช่วงนี้มีโรคระบาดเกิดขึ้นนะ เรียกว่า COVID-19 เป็นเชื้อโรคที่ติดกันง่าย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะตาย ดังนั้นเราต้องป้องกันตัวเอง ด้วยการใส่หน้ากากและล้างมือเสมอนะคะ” ที่สำคัญคือ อย่าขู่ลูกเด็ดขาด!!! อย่าใช้สถานการณ์นี้เป็นเครื่องมือขู่ลูกให้ทำตามในสิ่งที่เราต้องการ เช่น ถ้าไม่ฟังเดี๋ยวก็ติดเชื้อตายหรอก 

คุยเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก : เมื่อก่อนเรากับลูกอาจจะออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านได้อย่างปกติ ออกไปเดินห้าง เข้าสวนสนุก เข้าสนามเด็กเล่น แต่พอเกิดโรคระบาดขึ้น สิ่งที่ลูกเคยได้ทำ หรือสถานที่ที่ลูกเคยได้ไปกลับถูกงด แน่นอนว่าเขาต้องเกิดคำถามขึ้น ดังนันพ่อแม่จะต้องคุยกับลูกในเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลัก โดยบอกเขาว่า “ตอนนี้ข้างนอกไม่ปลอดภัย เพราะมีเชื้อโรคกำลังระบาด อยู่ในบ้านปลอดภัยกว่านะคะ แม่ไม่อยากให้หนูหรือคนในครอบครัวไม่สบายนะ”

สอนให้ทำความสะอาดมือเป็นประจำ : สอนให้ลูกล้างมือเป็นประจำ ต้องล้างอย่างน้อย 20 วินาทีต่อครั้ง บอกเหตุผลว่าทำไมต้องล้าง นั่นเป็นเพราะเราใช้มือในการจับสิ่งต่างๆ โดยที่เราไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เราจับนั้นมีเชื้อโรคไหม แล้วเราก็เอามือไปจับหน้า ขยี้ตา จับจมูก ซึ่งเป็นการทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายของเราได้ง่ายขึ้น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจมีการทดลองให้เขาเห็นว่าการล้างมือช่วยป้องกันเชื้อโรคได้อย่างไร อย่างเอาพริกไทย (แทนเชื้อโรค) โรยในน้ำ แล้วใช้นิ้วที่มีสบู่อยู่จิ้มลงไป ก็จะเห็นว่าพริกไทยกระจายตัวออก

 

สิ่งสำคัญที่ตอนนี้ทำได้ คือ ใช้เวลาร่วมกันอย่างคุ้มค่า เพราะตอนนี้เราได้อยู่บ้าน ก็น่าจะมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ใช้เวลาช่วงนี้อย่างมีคุณภาพ ได้เล่นกับลูก อ่านหนังสือให้ลูกฟัง ช่วยกันทำความสะอาดบ้าน ช่วยกันทำอาหาร พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลอ้างอิงจาก