เบาใจกันไปได้สักพักก็กลับมาระบาดหนักจนน่าหวั่นใจอีกแล้ว โควิดตัวร้ายเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยจริงๆ เปิดเทอมไปได้ไม่เท่าไรก็เห็นข่าวเด็กนักเรียนเจ็บป่วยไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้หลายโรงเรียนต้องปรับจากการเรียนรูปแบบออนไซต์กลับมาเป็นออนไลน์เพื่อความปลอดภัย งานนี้ถึงคราวคุณพ่อคุณแม่สายซัพพอร์ตทุกท่านต้องลุกขึ้นมายืนเคียงข้างเจ้าตัวเล็กอีกครั้ง และจับมือพาลูกก้าวข้ามผ่านวิกฤติการเรียนรู้ไปให้ได้!
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังกุมขมับปวดหัวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น วันนี้ Parents One ขอแชร์สารพัดเทคนิคที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนออนไลน์ของลูกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มาดูกันเลยค่ะว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง และขอส่งกำลังใจให้ทุกบ้านผ่านพ้นสถานการณ์ช่วงนี้ไปได้ด้วยดีนะคะ
เตรียมตัวก่อนเข้าเรียน
พูดคุยเสริมความเข้าใจ :
ก่อนลูกจะเริ่มเรียนควรมีการพูดคุยสร้างความเข้าใจกันก่อน อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าทำไมต้องเรียนอยู่บ้าน และย้ำว่า ถึงจะอยู่บ้านแต่วันนี้เป็นวันเรียนเหมือนอย่างที่หนูไปโรงเรียนตามปกตินะ หลายครั้งเราหลงลืมที่จะพูดคุยกับลูกเพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็น บอกไปก็ไม่เข้าใจ แต่การสื่อสารให้ลูกเข้าใจเหตุและผลเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้เด็กตั้งใจและใส่ใจกับการเรียนมากขึ้นค่ะ
จัดตารางกิจวัตรประจำวัน :
จัดตารางกิจวัตรประจำวันให้สอดคล้องกับที่โรงเรียน พาลูกตื่นเป็นเวลา กินข้าวเป็นเวลา พักผ่อนเป็นเวลา ไม่ทำให้ลูกรู้สึกว่าการเรียนอยู่ที่บ้านสบาย อยากทำอะไรตอนไหนก็ได้ เมื่อลูกต้องกลับไปโรงเรียนตามปกติ จะไม่มีอาการงอแง อิดออด เพราะมีการเตรียมความพร้อมให้ใช้ชีวิตแบบนี้จนกลายเป็นความเคยชินไปแล้วนั่นเอง ต่อให้มีการเปลี่ยนแปลงอีกกี่ครั้งก็จะไม่ส่งผลกระทบมากนัก
เตรียมอุปกรณ์ สร้างบรรยากาศน่าเรียน :
ดูตารางเรียนสิว่าวันนี้ลูกเรียนอะไรตอนไหนบ้าง เพื่อเตรียมอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็น และจัดเตรียมสถานที่เรียนให้เหมาะสม เอื้อต่อการเรียนรู้ ที่สำคัญ อย่าลืมตรวจสอบความพร้อมของสถานที่และอุปกรณ์ด้วยนะคะ
ความพร้อมของสถานที่ :
- แสงสว่างเพียงพอ
- อากาศถ่ายเทสะดวก
- ที่นั่งสบายไม่เมื่อย
ความพร้อมของอุปกรณ์ :
- แบตเตอรี่เพียงพอ
- ลำโพง/ไมโครโฟนสามารถใช้ได้
- ความสว่างหน้าจอเหมาะสม
- สัญญาณอินเทอร์เน็ตเสถียร
ระหว่างเรียน
รับหน้าที่ผู้ช่วยส่วนตัวคนเก่ง :
ขณะที่เรียน พ่อแม่ควรคอยอยู่ใกล้ๆ เป็นผู้ช่วยที่คอยขจัดอุปสรรค ให้ความช่วยเหลือทุกเมื่อที่ลูกต้องการ เพื่อให้การเรียนรู้ของลูกต่อเนื่องไม่มีสะดุด
Do สิ่งที่ควรทำเมื่อลูกเรียนออนไลน์ :
- ช่วยดูแลอุปกรณ์เชื่อมต่อ
- ช่วยเปิด-ปิดกล้อง ปรับเสียงไมโครโฟน
- ตั้งใจเรียนไปพร้อมกับลูก
- ช่วยคุณครูสื่อสารเมื่อจำเป็น
- ให้กำลังใจในการตอบคำถาม
- กล่าวคำชมเชย
Don’t สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อลูกเรียนออนไลน์ :
- ตอบคำถามแทนลูกไปเสียหมด
- เปิดไมโครโฟนพูดคุยรบกวนขณะที่คุณครูสอน
- ตะคอก ดุด่า
- คะยั้นคะยอให้มีส่วนร่วมมากเกินไป
หมั่นสังเกตอารมณ์ของลูก :
คอยดูว่าขณะที่เรียนลูกมีอาการอย่างไร มีความสุข ตั้งใจเรียนดี หรือเริ่มงอแง ง่วงนอน ไม่อยากเรียนแล้ว ทางที่ดีควรพยายามรักษาความสนุกตื่นเต้นเอาไว้ งัดสกิลพ่อแม่สายเอนเตอร์เทนขึ้นมา คอยสร้างพลังบวก หรืออาจมีการให้รางวัล ให้ขนมเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้กระตือรือร้นมากขึ้นก็ได้
เหนื่อยนัก ให้ลูกพักหน่อย :
แม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ยังเหนื่อยล้าอ่อนใจกับการนั่งหน้าจอนานๆ นับประสาอะไรกับเจ้าตัวเล็กวัยกำลังเรียน กำลังเล่นที่ตามปกติยามไปโรงเรียนจะได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน ปลดปล่อยพลังผ่านการเล่นอย่างเต็มที่ ถ้าลูกเริ่มมีอาการอ่อนล้า ไม่อยากจะเรียนแล้วจริงๆ ไม่ควรบังคับให้นั่งอยู่กับหน้าจอตลอด ให้เวลาพักผ่อนสักหน่อย เข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำ ออกไปวิ่งเล่นบ้าง ตามแต่ตกลงเวลากัน อาจจะเป็นช่วงระหว่างผลัดเปลี่ยนคาบก็ได้ แล้วค่อยกลับมาเรียนต่อ จะเป็นผลดีมากกว่าบังคับจนเกิดความรู้สึกแย่ๆ ไม่อยากจะเรียนอีก
จบคาบเรียน
ชวนพูดคุยหลังเลิกเรียน :
ข้อดีอย่างหนึ่งของการเรียนออนไลน์ คือเราได้รู้ว่าวันนี้ลูกเรียนอะไรบ้าง หลังจากจบคาบควรชวนลูกพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนไปเพื่อเป็นการทบทวน และตรวจสอบความเข้าใจของลูกในแต่ละวัน คอยตรวจเช็กการบ้าน หรือตามงานที่ต้องส่ง รวมถึงการสอบถามความรู้สึกจากการเรียน ความกังวล ความเครียดของลูกเพื่อปรึกษากับครู และหาวิธีแก้ปัญหาไปพร้อมๆ กัน
กล่าวคำชมเชย ให้กำลังใจ :
เมื่อเรียนออนไลน์ เด็กๆ ต้องใช้สมาธิมากกว่าปกติ พยายามมากกว่าที่เคยพยายาม สิ่งที่ลูกต้องการที่สุดคือกำลังใจจากคุณพ่อคุณแม่ผู้เป็นที่รัก ไม่ว่าจะตื่นนอนตรงเวลา ลุกไปแต่งตัวไม่มีอิดออด เก็บอุปกรณ์การเรียนเข้าที่ สามารถตอบคำถามในชั้นเรียนได้ จะเป็นเรื่องกิจวัตรประจำวัน หรือการเรียนในวันนั้นๆ เล็กน้อยยิ่งใหญ่แค่ไหนก็สามารถเอ่ยคำชมเชยได้เลย เติมแรงใจให้กับลูกรัก และเพิ่มเติมความสุขให้กับทุกคนในครอบครัวไปพร้อมๆ กัน
ความจริงแล้ว การเรียนออนไลน์ไม่เหมาะกับเด็กเล็กเอาเสียเลย ด้วยธรรมชาติของเขาที่ยังคงเรียนรู้ผ่านการเล่นสนุก พบปะผู้คนเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ และมีทักษะมากมายหลากหลายที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านการเรียนออนไลน์อย่างเดียว เพราะฉะนั้นแล้ว แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ลูกจะเข้าใจทุกอย่างผ่านการเรียนออนไลน์ได้ทั้งหมด มาลดความคาดหวัง และเพิ่มเติมความเข้าใจให้มากขึ้น เพื่อที่อย่างน้อยๆ ลูกจะยังคงมีความสุข มีหัวใจเบิกบานไปจนกระทั่งวันที่ได้สะพายกระเป๋า แบกเป้กลับไปที่โรงเรียนอีกครั้งนะคะ