fbpx

เมื่อทารกในครรภ์มีน้ำหนักน้อย มีวิธีเพิ่มน้ำหนักให้ลูกยังไงให้แข็งแรงตลอดการตั้งครรภ์

Writer : Jicko
: 18 กุมภาพันธ์ 2562

ความกังวลใจของคุณแม่ๆ อย่างหนึ่งขณะที่กำลังตั้งครรภ์ นั้นก็คือสุขภาพและน้ำหนักของลูก คุณแม่บางคนก็กังวลใจว่าเมื่อคลอดเจ้าตัวเล็กออกมาแล้ว ลูกจะมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์หรือมากกว่าเกณฑ์ แล้วหากจะเพิ่มน้ำหนักลูกในครรภ์  คุณแม่ๆ ก็จะต้องหาวิธีบำรุงต่างๆ เพื่อให้หนูน้อยออกมามีสุขภาพแข็งแรง  และน้ำหนักตามเกณฑ์นั้นเองค่ะ วิธีเพิ่มน้ำหนักลูกน้อยในครรภ์จะมีวิธียังไงบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

สาเหตุที่ทำให้ทารกในครรภ์มีน้ำหนักน้อย

โดยปกติเด็กทารกช่วงแรกเกิด ถ้ามีการคลอดตามกำหนด จะมีค่าเฉลี่ยน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.8-3.2 กิโลกรม แต่ในขณะที่ลูกอยู่ในครรภ์น้ำหนักตัวของเขาถ้าหากหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ถือว่าน้อยกว่าปกติ ซึ่งทั้งนี้ก็มีสาเหตุสำคัญต่างๆ มากมาาย เช่น

  • คุณพ่อคุณแม่เป็นคนตัวเล็ก ลูกในครรภ์จึงตัวเล็กตามไปด้วย
  • ทารกมีความผิดปกติทางโครโมโซมในทารก หรือความพิการแต่กำเนิด
  • สุขภาพของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ ซึ่งบางโรคก็สามารถส่งต่อทารกในครรภ์ได้ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต โรคเกี่ยวกับปอด โรคโลหิตจาง โรคหัดเยอรมัน เป็นต้น
  • ความผิดปกติของรก เช่น ภาวะรกเกาะต่ำ หรือภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ซึ่งทำให้ทารกได้รับออกซิเจนหรือสารอาหารไม่เพียงพอ
  • พฤติกรรมขณะตั้งครรภ์ เช่น การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารไม่ครบถ้วน การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
  • คุณแม่มีอายุน้อย หรือเป็นวัยรุ่นก็อาจจะทำให้ลูกในครรภ์มีน้ำหนักน้อยตามไปด้วย
  • การตั้งครรภ์แฝด

รู้ได้ยังไง…ว่าทารกในครรภ์มีน้ำหนักตัวน้อย

1.คุณแม่ๆ ต้องสังเกตเกี่ยวกับน้ำหนักของคุณแม่เอง ว่ามีการเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาการตั้งครรภ์หรือไม่ หากน้ำหนักตัวของคุณแม่ไม่เพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ปกติ นั้นก็หมายความว่าคุณแม่ต้องระวังนะคะ เพราะสำหรับการตั้งครรภ์น้ำหนักของคุณแม่จะต้องเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังจากอายุครรภ์ได้ 3 เดือน โดยเฉลี่ยแล้วน้ำหนักจะต้องขึ้นสัปดาห์ละ 0.2 – 0.5 กิโลกรัม

2. การตรวจวัดความสูงยอดมดลูก  

  • ใช้สัดส่วนของยอดมดลูก กับหน้าท้องของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์

วิธีวัดความสูงยอดมดลูกโดยการใช้สัดส่วนของยอดมดลูกกับหน้าท้องหญิงตั้งครรภ์ ทำได้โดยแบ่งระยะระหว่างสะดือกับกระดูกหัวหน่าวเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน และแบ่งระยะระหว่างสะดือกับกระดูกลิ้นปี่เป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กัน ซึ่งความสูงของยอดมดลูกแต่ละช่วงอายุครรภ์ จะมีความสัมพันธ์กันดังนี้

  • อายุครรภ์ 12 สัปดาห์  ยอดมดลูกจะสูงประมาณ  1/3 เหนือกระดูกหัวหน่าว
  • อายุครรภ์ 16 สัปดาห์ ยอดมดลูกจะสูงประมาณ 2/3 เหนือกระดูกหัวหน่าว
  • อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ ยอดมดลูกอยู่ระดับสะดือ
  • อายุครรภ์ 24 สัปดาห์ ยอดมดลูกจะสูงกว่าระดับสะดือเล็กน้อย
  • อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ยอดมดลูกอยู่ 1/4 เหนือระดับสะดือ
  • อายุครรภ์ 32 สัปดาห์ ยอดมดลูกอยู่ 2/4 เหนือระดับสะดือ
  • อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ ยอดมดลูกอยู่ 3/4 เหนือระดับสะดือ
  • วัดจากความสูงของยอดมดลูกโดยใช้สายวัด

การวัดระดับยอดมดลูกโดยใช้สายวัดทำได้โดยการวัดระยะจากรอยต่อของกระดูกหัวหน่าวไปจนถึงยอดมดลูก โดยแนบตามส่วนโค้งของมดลูก ซึ่งในช่วงอายุครรภ์ 18–30 สัปดาห์ ระยะที่วัดได้เป็นเซนติเมตร จะเท่ากับอายุครรภ์เป็นสัปดาห์ ยกตัวอย่างเช่น หากวัดได้ 28 เซนติเมตร ก็จะเท่ากับอายุครรภ์ 28  สัปดาห์ นั่นเอง

3.วัดจากการอัลตราซาวด์

การอัลตราซาวด์ถือว่าเป็นการประเมินขนาดและน้ำหนักของทารกในครรภ์ได้ค่อนข้างแม่นยำกว่าวิธีอื่นๆ นะคะ นอกจากจะเห็นความแข็งแรงสมบูรณ์และเช็คความผิดปกติของทารกในครรภ์แล้ว คุณแม่ๆ ยังทราบถึงเพศของลูกน้อยได้อีกด้วยนะคะ ซึ่งการประเมินขนาดของทารกในครรภ์จะดูจากสิ่งต่อไปนี้ค่ะ

  • ขนาดของหน้าท้องที่นูน หรือยื่นออกไปด้านหน้าหรือด้านข้าง
  • น้ำหนักตัวของคุณแม่ที่เพิ่มขึ้น
  • น้ำคร่ำมากหรือน้อย
  • ตั้งครรภ์แฝดหรือไม่
  • ทารกลอยต่ำหรือลอยสูง

ตารางเทียบน้ำหนักลูกน้อยในครรภ์

สำหรับคุณแม่ๆ ที่กำลังตั้งครรภ์ และอยากทราบว่าลูกในครรภ์โตมากน้อยขนาดไหนแล้ว ซึ่งทารกในครรภ์แต่ละคนก็มีขนาดและน้ำหนักที่ต่างกันออกไป วันนี้เราจึงนำ ตารางน้ำหนักและขนาดของทารกในครรภ์ มาฝากคุณแม่ๆ กันนะคะ จะได้ทราบว่าหนูน้อยควรจะมีขนาดและน้ำหนักประมาณไหน ถึงจะเรียกว่าตามเกณฑ์นั้นเองค่ะ ไปดูกันเลย

 

วิธีเพิ่มน้ำหนักให้ลูกในครรภ์

คุณแม่ๆ มักจะเข้าใจผิดว่าหากเจ้าตัวเล็กในครรภ์มีน้ำหนักน้อย ก็ต้องเน้นสารอาหารที่เพิ่มพลังงาน เพื่อให้ลูกออกมาแล้วน้ำหนักตัวไม่น้อยกว่าเกณฑ์ แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นก็คือ คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากกว่าเน้นสารอาหารที่ให้พลังงานนะคะ มาดูกันเลยค่ะว่ามีวิธีเพิ่มน้ำหนักเจ้าตัวน้อยในครรภ์ยังไงบ้าง

  • กินอาหารเท่าที่จำเป็น นั้นก็หมายความว่า คุณแม่ๆ ที่มีสภาวะทางโภชนาการปกติอยู่ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ที่ตั้งครรภ์หรือคุณแม่ที่กำลังในนมลูกก็ตาม ต้องการแคลอรี่เพิ่มขึ้น 500 กิโลแคลอรี่/วัน แต่ถ้าหากใครที่มีน้ำหนักเกินแล้ว ไม่ควรกินเพิ่ม แต่กินให้เท่ากับตอนที่ยังไม่ตั้งครรภ์ นั้นก็คือ 2,000 กิโลแคลอรี่/วัน นั้นเองค่ะ
  • รับประทานอาหารที่หลากหลาย โดยเน้นโปรตีน แต่ไม่เน้นรับประทานอาหารอย่างเดียวในปริมาณมากๆ เช่น ไข่ 10 ฟองต่อวัน , นมวันละ 2 ลิตร เพราะถ้ารับประทานบ่อยๆ อย่างเช่นนม หรือ ไข่ อาจจะทำให้ลูกเมื่อคลอดออกมาแล้วจะเสี่ยงต่อการแพ้อาหารเหล่านั้นได้นะคะ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะหากเครียด หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดความกังวลขึ้น ก็สามารถทำให้ลูกในครรภ์ตัวเล็กได้เหมือนกันนะคะ แนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์เลยนั้นก็คือ ควรทำงานให้น้อยลง ผ่อนคลายบ้าง ลองเดินไปดูธรรมชาติ เดินเล่นสวนดอกไม้ เพื่อลูกน้อยนะคะ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่จำเป็น งดดื่มสุราและบุหรี่
  • ออกกำลังกายในท่าที่เหมาะสม เพราะการออกกำลังกายจะทำให้ลูกน้อยในครรภ์และตัวของคุณแม่เองนั้นมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงด้วยนั้นเองค่ะ
  • ตามคำแนะนำของคุณหมอนั้นก็คือ ควรรับประทานอาหารทุก 2 ชั่วโมง ในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป เช่น ทานกล้วยหอม 1 ลูก ตามด้วยแอปเปิล แล้วอีก 2 ชั่วโมงต่อมา ก็กลับมารับประทาน นมถั่วเหลืองกับขนมปังทาตับบด สลับกันไป พอถึงช่วงเย็นๆ ก็ทานอาหารปกตินั้นเองค่ะ แต่ต้องรับประทานให้ครบห้าหมู่นะคะ เพียงเท่านี้ก็เพิ่มน้ำหนักให้ลูกในครรภ์ได้อย่างดีเลยค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : konthongamarinbabyandkids, pobpad

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



จะรู้ได้ยังไง ว่าลูกเป็น “สมาธิสั้น”
เตรียมตัวเป็นแม่
วิธีการสอนให้ลูกรับมือกับความผิดหวัง
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save