Parents One

พ่อแม่ต้องรู้! โรคสมาธิสั้นเทียม เกิดขึ้นได้กับเด็กติดหน้าจอ

โดยปกติแล้วเด็กจะสามารถดูหน้าจอต่างๆ ได้ในช่วงอายุเกิน 2 ปีไปแล้วแต่ปัจจุบันนั้นการห้ามใช้จอทำได้ยากมากๆ ในโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีซึ่งหากลูกติดหน้าจอหรือใช้เวลาอยู่กับโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ผลกระทบแรกที่คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลก็คือสุขภาพร่างกายของลูก

เพราะการติดจอนั้น ส่งผลให้เป็นทั้งโรคอ้วน จากการนั่งนอนไม่ขยับไปไหน, ทานอาหารที่ไม่หลากหลาย, ใช้สายตามากเกินไปจนอาจต้องตัดแว่น และอีกหนึ่งโรคที่น่ากลัวไม่แพ้ใครคือโรคสมาธิสั้น ยิ่งเห็นภาพที่ขยับอย่างรวดเร็วหรือการตัดที่ไวมากแค่ไหนก็ยิ่งทำให้สมาธิของลูกนั้นว่อกแว่กได้ง่ายซึ่งปัจจุบันเด็กที่มีอาการของสมาธิสั้นมีมากถึงร้อยละ 5-10

โรคสมาธิสั้นนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น โรคสมาธิสั้นและสมาธิสั้นเทียมซึ่งจะมีความแตกต่างกันอยู่ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกับอาการสมาธิสั้นเทียมที่เกิดจากการใช้มือถือมากเกินไปกันค่ะ

โรคสมาธิสั้นเทียมหรือไฮเปอร์เทียม

คงเป็นคำที่ติดปากคุณพ่อคุณแม่หลายท่านว่า ลูกเรานั้น ช่างไฮเปอร์หรืออยู่ไม่สุข แรกๆ อาจมองเป็นพัฒนาการตามวัยแต่หากมีมากเกินไปก็คงต้องเริ่มสังเกตแล้วว่ามีความผิดปกติอะไรหรือเปล่าซึ่งอาการดั่งกล่าวนั้นคือส่วนหนึ่งของอาการสมาธิสั้นในเด็กนั่นเองค่ะ

อาการสมาธิสั้นประกอบไปด้วย hyperactive (ความซนไม่หยุดนิ่ง), inattention (ไม่มีสมาธิในการจดจ่อ),impulsivity ( ขาดการไตร่ตรองและรอบคอบ) แต่กับอาการสมาธิสั้นเทียมหรือไฮเปอร์เทียมนั้นมีอาการที่คล้ายกับสมาธิสั้นธรรมดามาก การแยกว่าเป็นจริงหรือเทียมสังเกตได้จากกรรมพันธุ์ของพ่อแม่ที่ส่งมาถึงลูก หากในบ้านมีใครที่มีประวัติเป็นสมาธิสั้น บุตรหลานของเราก็คงจะได้รับถ่ายทอดมาไม่มากก็น้อย

แต่หากไม่มีใครในครอบครัวมีประวัติว่าเป็นสมาธิสั้นหรืออาการไฮเปอร์แต่เจ้าตัวเล็กมีทั้งอาการว่อกแว่ก, อยู่ไม่สุขเกินพอดี, ใจร้อน, อะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะเริ่มอารมณ์เสีย ก็มีแนวโน้มสูงว่าลูกๆ ของเราเป็นโรคสมาธิสั้นเทียมเข้าแล้ว

 

สาเหตุที่ทำให้เด็กเป็นสมาธิสั้นเทียม

พอขึ้นชื่อว่าเทียมแล้วแน่นอนว่าจุดเริ่มต้นของอาการไม่ได้เกิดมาจากกรรมพันธุ์หรือภาวะแทรกซ้อนของสมองใดๆ ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดแต่เป็นเรื่องของระบบการใช้ชีวิตที่ทำให้เด็กส่วนมากเข้าข่ายหรือเป็นโรคสมาธิสั้นเทียม และพฤติกรรมที่ทำให้เจ้าตัวเล็กของบ้านเป็นสมาธิสั้นเทียม ก็คือ

 

อาการของเด็กที่เป็นสมาธิสั้นเทียม

เมื่อเรารู้ถึงสาเหตุแล้วว่าเหตุใดจึงทำให้เด็กๆ ในบ้านเป็นโรคสมาธิสั้นเทียมแล้ว มาดูอาการหรือผลกระทบจากจากเป็นสมาธิสั้นกันค่ะ ว่าส่งผลอย่างไรบ้างกับเจ้าตัวน้อยของเรา

 

วิธีรักษาหรือดูแลเด็กสมาธิสั้นเทียม

สิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำคือ เข้าใจความสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าตัวเล็กของเราค่ะ แน่นอนว่าเมื่อเห็นเขาไม่ตั้งใจเรียนหรือติดจอมากเกินไปจนเป็นสาเหตุให้มีอาการดังกล่าว ก็อาจจะรู้สึกฉุนเฉียว, ไม่พอใจ แต่เราต้องทำใจให้เย็นขึ้นเพื่อมามองปัญหา และแนวทางแก้ไขที่ถูกต้องไปพร้อมๆ ซึ่งการแก้ครั้งนี้เองก็ต้องอาศัยความร่วมมือของอาจารย์ที่ดูแลลูกของเราที่โรงเรียนด้วยนะคะ จะมีการแก้ไขอย่างไรบ้างไปดูกัน

และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูแลคือใช้เวลากับเด็กๆ ของเราให้มากขึ้น อย่าให้โทรศัพท์มือถือเป็นพี่เลี้ยงแทนเพราะถ้าคุณพ่อคุณแม่ได้ใช้เวลาพูดคุยและเรียนรู้เจ้าตัวน้อยมากๆ ก็จะทำให้เขาไม่ติดจอ อยากใช้เวลาอยู่กับเรา นอกจากจะได้แก้ปัญหาอาการสมาธิสั้นเทียมแล้ว ยังช่วยให้ความสัมพันธ์ของตนในบ้านดีขึ้นอีกด้วย

สนับสนุนโดย : กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

ที่มา : amarinbabyandkids , windmilleec , mgronline , manarom