พัฒนาการเด็กด้านการฟัง ที่พ่อแม่ต้องรู้ เพื่อช่วยให้ทักษะพูดและภาษาของลูกที่ดีขึ้น

การฟังถือเป็นทักษะสำคัญอย่างหนึ่ง ที่สามารถช่วยให้เด็กๆ สามารถตอบสนองทั้งการพูดและด้านภาษาของเขาได้ ลองสังเกตดูนะคะว่าหากพ่อแม่บ้านไหนที่ชอบพูดคุยกับลูกบ่อยๆ จะทำให้เขาเป็นเด็กที่โตมามีทักษะและพัฒนาการที่เร็วกว่า ยิ่งถ้าชอบตอบคำถามลูกเวลาเขาถาม ยิ่งทำให้เขามีทักษะการฟังและการพูดที่ดีขึ้นด้วย

แต่พัฒนาการด้านการฟังของแต่ละวัยก็มีความแตกต่างกันไปนะคะ วันนี้เรามาดูกันเลยค่ะว่าในแต่ละวัยของเด็กๆ ควรมีทักษะและพัฒนาการด้านการฟังยังไงบ้าง และวิธีส่งเสริมด้านการฟังที่เราสามารถทำได้มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

เด็กวัย 0-3 เดือน

หันมอง ส่งยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยด้วย
มีสีหน้าและท่าทางตกใจ เมื่อได้ยินเสียงดัง
นิ่งสงบ เมื่อได้ยินเสียงที่อ่อนโยนและแผ่วเบา
ใจเย็นและสงบลงเมื่อได้ยินเสียงพ่อแม่

เด็กวัย 4-6 เดือน

หันมามองทันที เมื่อมีเสียงใหม่ที่ไม่คุ้น
ตอบสนองต่อคำว่า ไม่ หรือ No และพยายามพูดตาม
รู้สึกกลัว เมื่อมีเสียงดัง
ชอบของเล่นที่มีเสียง

เด็กวัย 7-12 เดือน

ตอบสนองเมื่อมีคนเรียกชื่อ
ตอบสนองและเริ่มเข้าใจคำง่ายๆ
ทำเสียงอ้อแอ้ ถึงแม้จะอยู่คนเดียว
จ้องสิ่งของหรือวัตถุ เมื่อมีคนกำลังพูดถึงสิ่งนั้นให้ฟัง
พยายามสื่อสารด้วยท่าทางมากขึ้น
ชอบเล่นเกม จ๊ะเอ๋ ตบแปะ

เด็กวัย 1-2 ขวบ

เข้าใจคำสั่งที่มีท่าทางประกอบได้
พูดและใช้ศัพท์ที่ได้ยินบ่อยๆ ได้
ตอบคำถามด้วยการชื้สิ่งต่างๆ
เข้าใจประโยคและคำสั่งง่ายๆ
สนุกกับการฟังนิทาน
แยกรูปร่างเล็ก ใหญ่ ได้

เด็กวัย 2-3 ขวบ

สามารถฟังและเข้าใจคำศัพท์แทบทุกคำ
เข้าใจและทำตามคำสั่งที่ซับซ้อนขึ้นได้ เช่น หยิบของที่วางตรงนั้นให้แม่หน่อย
เข้าใจเรื่องสี รูปร่าง ขนาด ที่หลากหลายมากขึ้น

เด็กวัย 3-4 ขวบ

ได้ยินเสียงเรียกที่มาจากอีกห้องได้ชัดเจน
มีความสามารถในการรับรู้เสียง ทีวี หรือวิทยุ ได้เท่ากับที่ผู้ใหญ่ได้ยิน
เข้าใจและตอบคำถาม ใคร ทำอะไร ที่ไหน ได้ดี

เด็กวัย 4-5 ขวบ

สามารถเข้าใจเนื้อเรื่องจากนิทาน และตอบคำถามง่าย ๆ จากเรื่องที่ฟังได้
เข้าใจประโยคยาว ๆ หรือคำถามซับซ้อนขึ้นได้ เช่น วันนี้หนูกินข้าวที่โรงเรียนกับอะไรคะ ไหนเล่าให้แม่ฟังหน่อย
เข้าใจ และจดจำสิ่งที่ได้ยินหรือฟังจากที่โรงเรียนหรือที่บ้านได้