เมื่อถึงวัยลูกเข้าโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงเป็นห่วงในเรื่องการเรียนของลูกว่าเขาจะเรียนได้ไหม ลูกจะมีปัญหาหรือมีความสุขในการเรียนหรือเปล่า หากคุณพ่อคุณแม่มีการวางแผนที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโรงเรียน การเลือกหลักสูตร การสร้างสิ่งแวดล้อมและการเตรียมพร้อมอื่นๆ ลูกของเราก็จะได้รับการศึกษาที่ดีและมีความสุข เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า มีวิธีอย่างไรให้ลูกรักเรียนดีและมีความสุข
1. เลือกโรงเรียนให้ลูกอย่างรอบคอบ
หากคุณพ่อคุณแม่ไม่อยากเหน็ดเหนื่อยหาโรงเรียนให้ลูกหลายครั้ง การมองหาโรงเรียนที่มีทั้งชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องหาที่เรียนให้ลูกในระดับชั้นต่อไปอีก แถมลูกจะได้ไม่เหนื่อยกับการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ดังนั้นก่อนเลือกโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่อาจตรวจสอบโรงเรียนให้รอบคอบค่ะ
2. สร้างบรรยากาศของการเรียนรู้
คนจะเรียนหนังสือต้องอยู่ในบรรยากาศของการเรียนที่ดี ไม่ควรละเลยในเรื่องนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสนใจว่าลูกเรียนเป็นอย่างไร อาจใช้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์พาลูกไปร้านหนังสือดีๆ ที่มีหนังสือวิชาการ หนังสือสำหรับเด็ก ชวนกันเลือกหนังสือประเภทที่เขาอยากดู อยากรู้ อยากเห็น หรือหาเวลาพาลูกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ เช่น สถานที่ทางประวัติศาสตร์ วัดวาอารามที่เกี่ยวกับเรื่องที่ลูกเรียนอยู่ เด็กจะได้เห็นของจริง เวลาเรียนก็จะได้ไม่เบื่อ แถมยังสนุกกับการเรียนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
3. พยายามฝึกสิ่งที่ดีให้กับลูก
พยายามฝึกสิ่งที่ดีๆ เช่น การรักการเรียน การอ่าน การฝึกพัฒนาสมอง EF ฝึกให้ลูกเป็นคนฉลาด ช่างคิด ช่างสังเกต ฝึกความเก่งรอบด้าน โดยฝึกให้เป็นนิสัยติดตัวของเขา เพราะเมื่อไรที่มันเป็นนิสัยของเขาแล้ว เขาจะทำออกมาอย่างอิสระ ทำอย่างมีความสุขและเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ ให้ลูกเรียนผ่านการเล่น ชุดกิจกรรม การทดลอง ศิลปะ ดนตรี งานประดิษฐ์ ใหเลูกสามารถมีอิสระในการเรียน มีความคิดสร้างสรรค์ ต่อยอดจินตนาการได้อย่างกว้างไกล สร้างนิสัยช่างคิด ช่างสังเกต ช่างวางแผนตั้งแต่เด็ก และอยากเรียนเก่ง อยากฉลาด ด้วยตัวเด็กเอง
4. รีบขจัดความไม่เข้าใจในเรื่องที่เรียน
ลองสังเกตนะคะ ว่าวิชาไหนเราเรียนแล้วรู้เรื่อง เข้าใจดี ทำให้สอบได้คะแนนดี ทำให้อยากเรียนวิชานั้นมากขึ้น ตรงกันข้ามถ้าวิชาไหนเรียนแล้วไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ สอบได้คะแนนไม่ดี ก็ไม่อยากเรียน ซึ่งจะทำให้ไม่รู้เรื่องมากขึ้น วิธีแก้คือ
- พยายามติดตามการเรียนของลูกอย่างสม่ำเสมอ ลูกเรียนไม่เข้าใจตรงไหนก็ให้สอนหรือสอบถามทางคุณครู บ่อยครั้งที่พบว่าเรื่องที่ลูกไม่เข้าใจเป็นเพียงปัญหาและประเด็นเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น พออธิบายให้เขาเข้าใจ เขาก็จะเรียนเนื้อหาต่อไปได้อย่างสนุก และอยากเรียนต่อ แต่ถ้าปล่อยให้มีความไม่เข้าใจสะสมไปเรื่อยๆ ในที่สุดจะไม่เข้าใจมากขึ้นๆ เพราะเด็กส่วนมากเวลาสงสัยมักไม่ค่อยกล้าถามครูนั่นเอง
- กวดวิชาหรือหาคนมาสอนแทน เชื่อว่าครูผู้สอนมีบทบาทและอิทธิพลต่อการอยากเรียนรู้ของเด็ก ค่อนข้างมาก ฉะนั้นก็ควรเลือกครูพิเศษที่เข้ากับลูกของเราได้ดีด้วยค่ะ
5. เพื่อนที่ดีมีความสำคัญ
เด็กๆ มักจะเชื่อเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ เป็นธรรมดาของเด็กๆ วัยเรียนนี้เพราะฉะนั้นถ้าเพื่อนเป็นพวกชอบเรียน ก็จะพากันเรียน มีอะไรข้องใจก็จะปรึกษากันได้ ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามส่งเสริมให้คบเพื่อนที่ชอบเรียนก็จะดีค่ะ
6. ให้ลูกเรียนในสิ่งที่ลูกอยากเรียน
เราต้องสังเกตว่าลูกชอบอะไรแล้วส่งเสริมเขาให้ได้เรียนด้านนั้น เพราะฉะนั้นถามลูกก่อนว่าเขาอยากเรียนอะไร ฝันอยากเป็นอะไร ชีวิตลูกต้องให้ลูกกำหนด เราช่วยกำกับพอแล้ว รับรองว่าลูกจะมีความสุขกับการเรียนอย่างแน่นอน
ในยุคปัจจุบันการศึกษาถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่พ่อแม่ทุกคน ให้ความสำคัญ พ่อแม่ทุกคนย่อมอยากให้ลูกเรียนเก่ง อยากให้ลูกฉลาด สมวัย มีพัฒนาการที่ดี ทั้งด้านสมอง ร่างกาย จิตใจ ซึ่งการมีพัฒนาการที่ดีนั้น จะหมายถึงการดำเนินชีวิตที่ดี เก่ง ฉลาดรอบด้าน และประสบความสำเร็จในอนาคตอีกด้วยค่ะ
ที่มา :