คุณพ่อคุณแม่เคยได้ยิน “โรคแพ้ถั่วปากอ้า G6PD” กันบ้างไหมคะ แล้วรู้ไหมคะว่าโรคนี้เด็กแรกเกิดส่วนมากจะเป็นโรคนี้กันได้ด้วย ซึ่งวันนี้ Parents One จะพาคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไปทำความรู้จักกับโรคนี้กัน บอกเลยว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนะคะ เพียงแต่ต้องดูแลเด็กๆ ให้ดีเท่านั้นเองค่ะ
ทำความรู้จักโรคนี้กัน
โรคแพ้ถั่วปากอ้า G6PD หรือโรคพร่องเอนไซม์ G6PD เป็นโรคที่เด็กจะมีโอกาสเป็นได้จากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมผิดปกนี้จากแม่สู่ลูกได้
โดยมากจะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ซึ่งถ้าร่างกายขาดเอนไซม์ G6PD ก็จะทำให้เอนไซม์มีประสิทธิภาพในการทำงานน้อยกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้น เช่น อาหาร ยาบางชนิด และถั่วปากอ้า เจ้าพวกนี้จะเข้าไปทำลายระบบต่างๆ ภายในเซลล์ของร่างกาย ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงสลายตัวจนเกิดภาวะโลหิตจางตามมาได้นั่นเองค่ะ
รู้ได้ยังไงว่าลูกเป็นโรคนี้
- ในเด็กทารก : จะเป็นโรคนี้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังเกิด จะมีอาการตาเหลือง ตัวเหลืองตั้งแต่แรกเกิด และมีอาการดีซ่านที่นานผิดปกติ ซึ่งมักเกิดในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
- ในเด็กโต : จะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เลย จนกว่าร่างกายจะได้รรับยาหรืออาหารบางชนิดไปกระตุ้นโรค เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย ผิวหนังซีด ตาเหลือง หัวใจเต้นเร็ว หากไม่รักษาอาจจะนำไปสู่ภาวะไตวายและเสียชีวิตได้นั่นเองค่ะ
อาการของโรค
อาการมักจะเกิดขึ้นทันทีหลังเป็นโรคติดเชื้อ หรือหลังได้รับยาที่แสลง หรือหลังจากที่กินถั่วปากอ้า มีอาการเป็นๆ หายๆ ได้บ่อย ซึ่งอาการมีดังนี้
- มีไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลีย
- ปัสสาวะสีดำคล้ายโคล่า อุจจาระซีดลง
- ทารกแรกเกิดจะตัวเหลือง ตาเหลือง หลังคลอดเพียงไม่กี่วัน
- อาการเหลืองจัด หรือมากกว่าผิดปกติ หรือมีภาวะซีดร่วมด้วย
ปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้น
- โรคติดต่อ : ที่เกิดจากแบคทีเรีย ไวรัส หรือรา เช่น โรคไวรัสตับอักเสบเอ โรคไวรัสตับอักเสบบี โรคปอดอักเสบ โรคไข้ไทฟอยด์ เป็นต้น นอกจากนี้การติดเชื้อบางอย่าง เช่น ไข้หวัด หรือหลอดลมอักเสบ ก็อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกได้
- อาหารบางชนิด : เช่น ถั่วบางชนิด โดยเฉพาะถั่วปากอ้า บลูเบอร์รี่ รวมทั้งสารอาหารหรือสารปรุงแต่งอื่น ๆ ที่เติมลงไปในอาหาร เช่น ในขนมขบเคี้ยว อาหารหรือน้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง ไส้กรอก เป็นต้น
- ยาบางชนิดที่กระตุ้นให้เกิดภาวะเครียดจากออกซิเดชัน
- สารเคมีบางอย่างเช่น การบูร ลูกเหม็น เมนทอลที่พบในขนมลูกอม และยาสีฟัน เป็นต้น
เมื่อลูกเป็น จะต้องทำยังไง
- ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ออกกำลังหายให้พอดีและเหมาะสม
- หากมีอาการตัวเหลือง ซีด ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
- ไม่ควรซื้อยาทานเอง
- หลีกเลี่ยงอาหารตระกูลถั่ว
- สอนลูกสังเกตอาการผิดปกติของตัวเอง
- แจ้งให้โรงเรียนและครูทราบถึงอาการของลูก
อ้างอิงจาก : organicloveskin, bccgroup-thailand, tsh.or.th