ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคระบาดประจำปี โดยในปีนี้มีแนวโน้มแพร่ระบาดมาก ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 23 พ.ค. 2562 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่แล้วกว่า 159,845 ราย เสียชีวิต 11 ราย ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงเดียวกันของปี 2560-2561 ประมาณ 3-5 เท่า
โดยสปสช. ได้บรรจุวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อฉีดให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ได้มีการอนุมัติให้จัดเตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านโดสอีกด้วย ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. – 31 ส.ค. 2562
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและลดความรุนแรงของโรคไข้หวัดใหญ่ จึงมีการฉีดวัคซีนโดยเป็นวัคซีนเชื้อตาย 3 สายพันธุ์ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกที่ได้ผลดี ไม่มีปัญหากลายพันธุ์และมีความปลอดภัย ใช้ในประเทศไทยมากว่า 10 ปีแล้ว
ทั้งนี้ ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงในการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ คือ 1) หญิงมีครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2) เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี 3) ผู้มีโรคเรื้อรังประจำตัว ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจ หืด ไตวาย หลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน 4) ผู้สูงอายุที่อายุ 65 ปีขึ้นไป 5) ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 6) โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ 7) โรคอ้วน หรือผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
สำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป ไม่จำเป็นต้องรับการฉีดในช่วงรณรงค์เท่านั้นแต่สามารถขอรับวัคซีนได้ตลอดทั้งปี
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มีผลช่วยป้องกันได้ร้อยละ 60-70 ดังนั้นการป้องกันตัวเองด้วยการทำร่างกายให้แข็งแรง กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพและล้างมือให้สะอาด รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงหรือป้องกันตนเองจากการสัมผัสผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคน
อ้างอิงจาก