Parents One

อยากซื้อบ้านต้องรู้! เลือกบ้านหลังแรกยังไงให้เหมาะกับครอบครัว

“บ้าน” เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญของทุกคน สำหรับคู่รักหรือคู่แต่งงานใหม่ที่กำลังจะสร้างเนื้อสร้างตัว และออกมาสร้างครอบครัวเป็นของตัวเอง บ้านหลังแรกจึงมีความสำคัญมาก แต่ว่าบ้านก็มีหลายแบบเหลือเกิน จนไม่รู้ว่าควรจะซื้อบ้านแบบไหนดี วันนี้เราจึงรวมประเภทของบ้านสำหรับครอบครัวที่กำลังมองหาบ้านหลังแรกมาฝากค่ะ

คอนโดมิเนียม

คอนโดมิเนียม อาจเป็นบ้านหลังแรกที่คู่รักหรือคู่แต่งงานใหม่หลายๆ คู่มองไว้ ด้วยราคาที่พอจะสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ รวมไปถึงคอนโดส่วนใหญ่ยังอยู่ใจกลางเมือง จึงทำให้เดินทางไปทำงานได้สะดวก นอกจากนี้ในช่วงแรกบางคู่อาจจะยังไม่มีแพลนที่จะมีลูก หรืออาจวางแผนไว้ว่าจะให้เป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่รอการขยับขยายก่อน คอนโดจึงเป็นหนึ่งทางเลือกที่หลายๆ คู่ให้ความสนใจ

โดยคอนโดมิเนียมจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่ คอนโด High Rise และ คอนโด Low Rise ซึ่งมีความแตกต่างหลักๆ คือเรื่องของความสูง และเรื่องของความเป็นส่วนตัว

1. คอนโด High Rise

2. คอนโด Low Rise

นอกเหนือจากประเภทแล้ว หลายๆ คนอาจสงสัยว่าคอนโดมีรูปแบบห้องแบบไหนบ้าง ซึ่งคอนโดจะมีห้องอยู่ประมาณ 4 รูปแบบคือ

  1. Studio : เป็นห้องใหญ่ๆ 1 ห้องแบบที่ไม่มีกระจกหรือผนังกั้น เมื่อเข้าไปแล้วก็จะเจอห้องนอนเลย มี 1 ห้องน้ำ และอาจมีห้องครัวเล็กๆ แบบที่ไว้สำหรับอุ่นอาหารเท่านั้น โดยส่วนมากมีขนาดไม่เกิน 30 ตารางเมตร จึงเหมาะกับคู่รักหรือคู่แต่งงานใหม่ที่ยังไม่มีลูก
  2. 1 Bedroom : ในห้องจะมีอีก 1 ห้องนอน ก็จะมีความกว้างขวางและแบ่งเป็นสัดเป็นส่วนขึ้นมากกว่าแบบสตูดิโอ โดยอาจจะมีกระจกหรือผนังกันอย่างชัดเจน ห้องครัวก็จะเริ่มเป็นครัวมากขึ้น อาจทำอาหารง่ายๆ ได้บ้าง มีหลายขนาดตั้งแต่ไม่เกิน 30 ตารางเมตร ไปจนถึง 50 ตารางเมตร เหมาะกับคู่รักหรือคู่แต่งงานใหม่ที่ยังไม่มีลูก
  3. 1 Bedroom Plus : เป็นห้องขนาดกลาง ที่อยู่ระหว่าง 1 ห้องนอนและ 2 ห้องนอน โดยมีการแบ่งห้องเป็นสัดเป็นส่วนชัดเจน ห้องที่เพิ่มเข้ามาอาจจะไม่ได้เหมาะเป็นห้องนอนแบบจริงจังเพราะมีขนาดค่อนข้างเล็ก จึงเหมาะเป็นห้องอเนกประสงค์มากกว่า ส่วนมากจะมีขนาดไม่เกิน 50 ตารางเมตร เหมาะกับคู่รักหรือคู่แต่งงานที่วางแผนว่าจะมีลูกน้อย อาจเป็นห้องที่ไว้รอการขยับขยาย เพราะสามารถแปลงห้องอเนกประสงค์ให้เป็นห้องนอนของลูกได้
  4. 2 Bedroom : เป็นห้องขนาดใหญ่ของคอนโดมิเนียมคือมีการแบ่งห้องนอน 2 ห้องนอนอย่างเป็นสัดเป็นส่วนชัดเจน ห้องครัวก็สามารถประกอบอาหารได้เพราะมีการแบ่งห้อง รวมไปถึงห้องน้ำก็มีทั้งแบบ 1 และ 2 ห้องน้ำ ทำให้สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม สำหรับขนาดจะอยู่ที่ประมาณ 50 ตารางเมตรไปจนถึง 80 ตารางเมตรเลยทีเดียว เหมาะกับคู่รักหรือคู่แต่งงานที่มีลูก 1-2 คนเพราะว่ามีห้องนอนไว้รองรับเจ้าตัวเล็กเรียบร้อยแล้ว

 

ทาวน์เฮ้าส์และทาวน์โฮม

สำหรับบ้านประเภทต่อมาก็คือ “ทาวน์เฮ้าส์และทาวน์โฮม” ซึ่งเป็นบ้านที่อยู่ในสายตาของคู่รักและคู่แต่งงานที่วางแผนไว้ว่าจะมีลูก 1-2 คน เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับครอบครัวที่ไม่อยากอยู่คอนโด แต่ว่ายังมีงบประมาณไม่มากเท่าไหร่ เพราะทาวน์เฮ้าส์และทาวน์โฮม ยังเป็นบ้านที่อยู่ในราคาที่เราสามารถเข้าถึงได้ค่อนข้างง่าย ราคาของบ้านก็ขึ้นอยู่กับทำเลเช่นกันว่าติดถนนใหญ่ไหม ติดรถไฟฟ้ารึเปล่า ทำให้เดินทางสะดวกมากแค่ไหนนั่นเอง

หลายคนอาจสงสัยว่าจะหว่างทาวน์เฮ้าส์และทาวน์โฮมมีความแตกต่างกันยังไง โดยรูปแบบแล้ว ทาวน์เฮ้าส์และทาวน์โฮม แทบจะไม่มีความต่างกันในแง่ของลักษณะรูปแบบภายนอก คือเป็นบ้านที่มีผนังติดกับบ้านอื่นๆ แต่พอลองดูในรอยละเอียดก็จะเห็นว่าโดยส่วนมากทาวน์เฮ้าส์จะมีราคาที่ถูกว่า มีการออกแบบให้อยู่กันแบบครอบครัวเล็กๆ ที่มีความคุ้มค่า แต่ว่าก็จะไม่มีส่วนกลางหรือสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สโมสร สวน หรือสระว่ายน้ำ

ในขณะที่ทาวน์โฮมเป็นบ้านที่พัฒนาขึ้นมาจากทาวน์เฮ้าส์ ด้วยการที่ใช้คำว่า ‘โฮม’ จึงทำให้รู้สึกอบอุ่น มีความเป็นชีวิตชีวา และรู้สึกถึงความเป็นครอบครัวมากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจจะมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นและมีดีไซน์ที่สวยงามมากกว่าทาวน์เฮ้าส์ อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เหมือนกับบ้านเดี่ยว เช่น สวน สโมสร หรือสระว่ายน้ำ ซึ่งนั่นจึงแลกมาด้วยราคาที่สูงกว่าทาวน์เฮ้าส์ค่ะ

ข้อมูลทั่วไปของทาวน์เฮ้าส์และทาวน์โฮม

 

Home Office

ที่มาภาพ : https://moneylifeonline.com

เมื่อบางครอบครัวมีธุรกิจเป็นของตัวเอง คงจะดีไม่น้อยหากเราสามารถทำงานพร้อมกับใช้เวลาร่วมกับครอบครัวได้ด้วย ดังนั้นบ้านแบบ “โฮม ออฟฟิศ” จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ เพราะโฮม ออฟฟิศจะมี 3-4 ชั้นซึ่งทำให้แบ่งสัดส่วนให้การใช้งานได้แตกต่างตามความต้องการ เช่น ชั้น 1-2 อาจทำเป็นออฟฟิศ ส่วนชั้น 3-4 เป็นที่พักอาศัย และด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างใหญ่จึงเหมาะสำหรับครอบครัวที่มีลูก แต่ถ้าลูกยังเล็กก็ต้องระวังในเรื่องของความปลอดภัย เพราะมีชั้นที่สูงและมีคนอื่นๆ เข้าออกอยู่ตลอดค่ะ

ถ้ามองเผินๆ อาจรู้สึกว่าโฮม ออฟฟิศก็คล้ายกับทาวน์โฮม แต่จริงๆ แล้วการออกแบบของบ้านทั้ง 2 ประเภทนั้นแตกต่างกันอยู่ค่ะ โดยโฮม ออฟฟิศ จะมีการแบ่งพื้นที่ของสำนักงานและที่อยู่อาศัยตั้งแต่การออกแบเลย ไม่ว่าจะเป็นการวางระบบไฟ ระบบการใช้งานคอมพิวเตอร์ ท่อแอร์ ตำแหน่งเสาและคาน เพื่อให้เอื้อต่อการใช้งานของสำนักงานนั่นเอง

ข้อมูลทั่วไปของ Home Office

 

บ้านแฝด

ที่มาภาพ : http://lumpinicommunity.com/

สำหรับครอบครัวขนาดปานกลาง ที่อาจจะอาศัยอยู่กับพ่อแม่ และมีลูก 1-2 คนขึ้นไป อาจมีคนในครอบครัวประมาณ 4-5 คน มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ และต้องการพื้นที่ใช้สอยของสนามหญ้า แต่ว่ามีงบไม่สูงพอที่จะซื้อบ้านเดี่ยว “บ้านแฝด” จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับครอบครัวไม่น้อยเลยค่ะ ซึ่งบ้านแฝด จะมีลักษณะเป็นคู่ มีการออกแบบที่เหมือนกันอบ่างกับฝาแฝด เพียงแต่จะสลับด้านซ้าย-ขวาเท่านั้น โดยจะมีผนัง 1 ด้านที่ติดกับบ้านอื่น และมีพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างกว้างเมื่อเทียบกับทาวน์โฮม

ในปัจจุบันบ้านแฝดได้มีการพัฒนาขึ้น บางหลังเมื่อดูจากภายนอกก็จะไม่รู้เลยว่าเป้นบ้านแฝด เพราะไม่มีส่วนไหนของบ้านที่ดูติดกัน แต่จริงๆ แล้วมีการวางให้ห้องน้ำ ห้องแม่บ้าน หรือห้องครัวติดกัน ซึ่งมักจะแอบซ่อนอยู่ เลยทำให้รู้สึกกว่าเหมือนได้อยู่บ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่ลดน้อยลงเท่านั้นค่ะ

ข้อมูลทั่วไปของบ้านแฝด

บ้านเดี่ยว

ที่มาภาพ : https://www.sansiri.com

สำหรับครอบครัวที่มองหาบ้านหลังแรกและหลังสุดท้าย เพราะวางแผนไว้ว่าจะไม่ย้ายไปไหนแล้ว อีกทั้งยังมีกำลังทรัพย์ที่มากพอ ก็ขอแนะนำให้ซื้อเป็น “บ้านเดี่ยว” ไปเลยค่ะ หากซื้อตั้งแต่ตอนแต่งงานและวางแผนว่าจะมีลูก ลูกก็จะเติบโตในบ้านหลังนี้และมีความผูกพันกับบ้านหลังนี้เกิดขึ้น นอกจากนี้ด้วยสภาพแวดล้อมและสังคมของบ้านเดี่ยว ก็อาจทำให้ได้เพื่อนบ้านที่ดีจนเป็นเพื่อนต่อกันไปยาวๆ ไปจนถึงรุ่นลูกก็ได้

ในแง่ของความสะดวกสบาย แน่นอนว่าบ้านหลังใหญ่ก็ย่อมมีพื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอต่อความต้องการของคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นสวนในบ้านเล็กๆ ไว้ให้อ่านหนังสือหรือพักผ่อนยามบ่าย อาจมีห้องอเนกประสงค์ที่ไว้สำหรับการทำกิจกรรมร่วมกันของคนในครอบครัว ส่วนห้องนอนก็มีเพียงพอต่อความต้องการของทุกคนค่ะ

ข้อมูลทั่วไปของบ้านเดี่ยว

 

ข้อมูลอ้างอิง