Parents One

การระบาดของไวรัสโควิด-19 กับการศึกษาที่เปลี่ยนไป

การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายสิ่งในชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับการศึกษาที่มีผลกระทบอย่างมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้หลายประเทศได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องการศึกษามากขึ้น เพื่อการเรียนการสอนในรูปแบบใหม่ที่สอดคล้องกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้

วันนี้ทาง Parents One จึงถือโอกาสนี้รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับรูปแบบการศึกษาที่เปลี่ยนไปในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

Active Learning บนแพลตฟอร์มออนไลน์

การสอนแบบออนไลน์แตกต่างกับการสอนแบบที่โรงเรียนตัวต่อตัวอย่างสิ้นเชิง คุณครูเองก็ต้องใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาและเอาศักยภาพของตัวเองมาเปลี่ยนแปลงและประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนในรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่ใช่การสอนแบบท่องจำหรือเปิดสไลด์ให้เด็กฟังเฉยๆ อย่างแน่นอน เพราะการที่เด็กนั่งเรียนอยู่หน้าจอก็ไม่เกิดสมาธิและแรงจูงใจอยู่แล้ว ทำให้คุณครูต้องเปลี่ยนการเรียนการสอนแบบ Active Learning บนออนไลน์ ให้เป็น High Functioning Classroom หรือห้องเรียนที่มีประสิทธิภาพสูงทั้งกระบวนการและผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนของเด็กๆ นั้นเอง

โดยวิชาที่สอนนั้นอาจจะไม่ใช่วิชาสามัญ แต่จะเปลี่ยนเป็นวิชาที่มีความสอดคล้องกับชีวิตจริง ที่ให้เด็กๆ ได้ลงมือทำและเกิดการเรียนรู้เองได้จริงๆ เป็นการควบรวมรายวิชาในลักษณะของการบูรณาการให้น้ำหนักไปกับวิชาสัมมนา วิชาค้นคว้าอิสระ อย่างเช่น ให้เด็กแต่ละคนศึกษาในหัวข้อ “My familly’s happiness” ในช่วงโควิด แล้วมาแชร์ไอเดียกันในห้องเรียนออนไลน์ เป็นต้น

โดย Tips ในการสร้างความ Active Learning บนโลกออนไลน์ คือ

 

หน้าตาโรงเรียนที่เปลี่ยนไปของนักเรียนในต่างประเทศ

เนื่องด้วยสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้โรงเรียนต่างๆ เริ่มมีการปรับตัวมากขึ้น โดยเฉพาะต่างประเทศ เพื่อป้องกันโรคระบาดที่จะเกิดขึ้นกับเด็กๆ ที่โรงเรียน ซึ่งได้แก่

 

ปฏิสัมพันธ์ในห้องเรียนที่เปลี่ยนไป

เพราะการเรียนออนไลน์กับการเรียนแบบปกติมันค่อนข้างต่างกัน ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ในห้องเรียนเปลี่ยนไป ทำให้เด็กบางคนจะไม่ค่อยพูดหรือตอบคำถามใดๆ เวลาเรียนออนไลน์ ครูและนักเรียนต้องสร้างความสัมพันธ์ ต้องมีเทคนิคหรือวิธีการที่ทำให้รู้สึกว่ามีเพื่อนและครูอยู่ตรงนี้กับเขา อีกทั้งคุณครูยังต้องสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก เพื่อให้เขาได้ลองคิดและเรียนรู้ด้วยตนเองนั่นเองค่ะ

 

เทคโนโลยีด้านการศึกษาพัฒนามากขึ้น

การระบาดของโควิด-19 ทำให้การศึกษาทั่วโลกต้องปรับตัวในการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้มีแนวการเรียนการสอนแบบออนไลน์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดในยุคนี้เกิดขึ้น เช่น

ซึ่งข้อดีของการเรียนออนไลน์ก็คือ

 

การเรียนรู้จากบ้านที่เกิดจากการเล่น

การเกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้การศึกษาของเด็กๆ เปลี่ยนไป ทำให้โรงเรียนปิด แถมผู้ปกครองก็ยังต้องกลับมาทำงานที่บ้านกันอีก ถึงแม้จะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นแต่เรื่องนี้ก็มีเรื่องดีอยู่ไม่ใช่น้อย นั้นก็คือ การได้ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ที่บ้านโดยมีพ่อแม่เนี่ยแหละเป็นคนจัดการ โดยบางครั้งไม่ต้องพึ่งตำราเรียนเลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าเด็กๆ จะได้มีการเรียนรู้อย่างแท้จริง ทำให้เด็กๆ ได้มีโอกาสได้ทดลอง ลงมือทำ ค้นคว้าข้อมูลได้ด้วยตนเองอย่างลึกซึ้ง แต่ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องมีความยืดหยุ่นพอที่จะสนใจว่าเขาอยากที่จะเรียนรู้หรือศึกษาอะไร และหนังสือเล่มไหนที่จะนำพาให้เขาต่อยอดไปสู่เรื่องที่สนใจได้บ้าง เรียกได้ว่าเด็กๆ จะได้เรียนที่บ้านแบบตัวต่อตัวกับคุณพ่อคุณแม่อย่างแน่นอน ซึ่งการเรียนรู้แบบนี้เด็กๆ ไม่สามารถมีได้ในห้องเรียนที่มีเด็กๆ ทั้งห้อง 20-30 คน อย่างแน่นอนค่ะ

อิตาลี พลิกโฉมการเรียนชั่วข้ามคืน

เชื่อได้เลยว่าทั่วโลกก็มีการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เรื่องการศึกษานั้นก็ต้องมีการเลื่อนเปิดและปิดภาคเรียนกันออกไป และมีการสอนแบบออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้จากกรณีศึกษาในโรงเรียนนานาชาติมอนซา แคว้น Lombardy ประเทศอิตาลี ซึ่งมีการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นอันดับ 2 ของโลก ได้นำระบบการเรียนออนไลน์มาใช้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงชั่วข้ามคืน หลังจากรัฐบาลท้องถิ่นประกาศมาตรการล็อคดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสนั่นเอง

ซึ่ง Lain Sachdev ครูใหญ่ของโรงเรียนนานาชาติมอนซา ได้มีการสั่งเรียกระดมพลคุณครูแทบจะในทันทีที่ทราบประกาศการล็อคดาวน์ เพื่อจัดทำคลิปวีดีโอสั้นๆ สำหรับนักเรียนและผู้ปกครอง โดยคุณครูมีเวลาเพียงแค่ 1 วัน ในการจัดทำเพื่อให้สามารถเปิดชั้นเรียนออนไลน์ให้ได้ภายในวันถัดไป โดยนักเรีนยทุกคนจะได้รับหนังสือเรียนเหมือนเดิม แต่วิธีการเรียนการสอนจะแตกต่างจากเดิมออกไป เช่น การที่คุณครูสอนผ่านระบบประชุมวีดีโอทางไกลในทุกวัน เด็กๆ เข้าร่วมเรียนผ่าน Padlet ระบบโพสอิทโน้ต ใช้โปรแกรม Flipgrid ที่ช่วยให้ครูและนักเรียนร่วมสร้างวีดีโอสั้นๆ มาแบ่งปัน และใช้เครื่องมือออนไลน์ เป็นต้น

เรียกได้ว่าเพียงชั่วข้ามคืน ก็ทำให้พลิกระบบการศึกษาโลกสู่การเรียนการสอนแบบแพลตฟอร์มออนไลน์กันเลยทีเดียวค่ะ

ความไม่เท่าเทียมของการศึกษา

ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง เราจะเห็นได้ชัดเจนในช่วงที่เด็กๆ เริ่มมีการปรับตัวมาเรียนแบบออนไลน์ ทำให้เห็นถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมกันในด้านการศึกษามาก เนื่องจากมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษา เนื่องจากขาดหลายๆ สิ่ง ทั้งอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์สำหรับการเรียนออนไลน์ อีกทั้งสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยก็เป็นสิ่งที่เด็กๆ บางคนก็ขาดเช่นกัน

ในอีกแง่หนึ่ง ส่วนของนักเรียนที่ทางบ้านค่อนข้างมีพื้นฐานที่ดีกว่า ย่อมมีความพร้อมในการเข้าถึงการเรียนการสอนแบบออนไลน์มากกว่า ทั้งอุปกรณ์การเรียน สถานที่ หรือแม้แต่การหาคุณครูเรียนแบบออนไลน์ก็ย่อมหาได้ดีกว่า ส่วนนี้ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมของการศึกษาเกิดขึ้น แต่หากไม่มีการเรียนการสอนแบบออนไลน์เกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 ระบาดอยู่นี้ ก็ทำให้เด็กๆ ต้องหยุดเรียนเป็นเวลาหลายเดือนเช่นกัน

 

ปรับปรุงห้องเรียนให้ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19

เพราะโรงเรียนเป็นสถานที่ที่มีเด็กอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีผู้ที่ปฏิบัติงานไม่ว่าจะเป็นคุณครู เจ้าหน้าที่ แม่ครัว รวมไปถึงผู้ปกครอง ทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคได้ง่าย

ซึ่งในการเปิดเทอมหรือการปรับปรุงห้องเรียนของโรงเรียนให้เข้ากับยุคโควิดแบบนี้ ก็ต้องได้ความร่วมมือจากทุกๆ คนเพื่อหยุดการแพร่กระจายซึ่งมีดังนี้

ก่อนเปิดเรียน

วันเปิดภาคเรียน

 

อ้างอิงจาก : https://www.the101.world/future-of-thai-education-after-covid19/https://tdri.or.th/2020/05/examples-of-teaching-and-learning-in-covid-19-pandemic/, https://www.eef.or.th/30577/https://www.eef.or.th/7511/https://www.isranews.org/article/thaireform/thaireform-documentary/88127-COV-3.html