คุณแม่หลายๆ คน น่าจะต้องเคยได้ยินคำว่า เงินอุดหนุนบุตร, เงินเด็กแรกเกิด, เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด หรือเงินสงเคราะห์บุตรกันมาบ้างใช่ไหมคะ ซึ่งชื่อเหล่านี้เป็นโครงการที่ช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเด็กแรกเกิด แต่คุณแม่ต้องสับสนแน่ๆ ว่าแต่ละโครงการแตกต่างกันยังไง วันนี้เราจะมาสรุปแบบสั้นๆ แยกทั้ง 2 โครงการให้เข้าใจง่ายๆ นะคะ
ในประเทศไทยจะมีโครงการที่ช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเด็กแรกเกิดอยู่ด้วยกัน 2 โครงการ อันแรกคือ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ เงินอุดหนุนบุตร, เงินเด็กแรกเกิด และเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ส่วนอีกอันคือ เงินสงเคราะห์บุตรนั่นเองค่ะ ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะมีความแตกต่างกันดังนี้
1. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- เงินอุดหนุนบุตร : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- เงินสงเคราะห์บุตร : กองทุนประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เพราะเป็นสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนในกองทุน “ประกันสังคม” จะได้รับตามเงื่อนไขของการเป็นผู้ประกันสังคม
2. ความช่วยเหลือที่คุณแม่จะได้รับ
- เงินอุดหนุนบุตร : 600 บาทต่อเดือน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ขวบ
- เงินสงเคราะห์บุตร : 800 บาทต่อเดือน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ขวบ (สามารถเบิกได้ไม่เกิน 3 คน)
3. ใครบ้างที่ได้สิทธิ์
- เงินอุดหนุนบุตร : ครอบครัวที่มีรายได้น้อย รายได้เฉลี่ยคนละไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี โดยที่ลูกต้องอยู่ในความดูแลของพ่อแม่ และไม่ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ
- เงินสงเคราะห์บุตร : ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39 จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน โดยที่ลูกต้องอยู่ในความดูแลของพ่อแม่
และแน่นอนว่าคุณแม่หลายคนอาจมีคำถามว่าเราจะสามารถรับความช่วยเหลือจากทั้งเงินอุดหนุนบุตรและเงินสงเคราะห์บุตรได้ไหม คำตอบคือ “ได้” แต่ต้องเป็นบุคคลที่เข้าเกณฑ์ของทั้ง 2 โครงการนะคะ ก็จะสามารถรับเงินได้ทั้งคู่เลยค่ะ
อ่านรายละเอียดของเงินอุดหนุนบุตรเพิ่มเติม : https://www.parentsone.com/subsidy-for-the-care-of-newborn-children/
อ่านรายละเอียดของเงินสงเคราะห์บุตรเพิ่มเติม : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/935449
ข้อมูลอ้างอิงจาก
- https://www.innnews.co.th/news/news_58319/
- https://money.kapook.com/view196390.html
- https://csg.dcy.go.th/th/support/how-to-register
- https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/935449