รู้ไหมคะ ว่าการกระทำเพียงเล็กๆ น้อยๆ ของเราอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของลูก โดยเฉพาะการเขย่าลูกเพื่อให้หยุดร้องไห้ หรือการเล่นกับลูกแบบโยนสูงๆ ก็มีโอกาสที่จะทำให้ลูกเป็น Shaken Baby Syndrome หรือกลุ่มอาการทารกถูกเขย่า ซึ่งส่งผลให้ลูกเสียชีวิตได้ พออ่านถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน วันนี้เราจึงจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้นค่ะ
เกิดจากอะไร
โรคที่มักพบในเด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ขวบ โดยเฉพาะในวัยประมาณ 3-8 เดือน เกิดจากการที่พ่อแม่จับลูกเขย่าแรงๆ ซึ่งแรงเขย่านั้นจะทำให้เนื้อสมองกระแทกกับกะโหลกศีรษะ ซึ่งปกติสมองของเด็กเล็กจะมีน้ำในช่องสมองมากกว่าเนื้อสมอง การเขย่าไปมาจึงทำให้เนื้อสมองแกว่งไป แกว่งมา แล้วไปกระทบกระแทกกับกะโหลกศีรษะ จนสมองบอบช้ำเสียหาย
สาเหตุเพราะ
เด็กแบเบาะยังมีกล้ามเนื้อคอไม่แข็งแรง ไม่สามารถพยุงศีรษะตนเองได้ รวมทั้งเส้นเลือดในสมองของเด็กเล็กๆ ยังไม่แข็งแรง โอกาสที่จะฉีกขาดจึงมีมากกว่าผู้ใหญ่ และสมองของเด็กก็ยังพัฒนาไม่เต็มที่
อาการของลูก
มักไม่เห็นร่องรอยการบาดเจ็บจากภายนอก แต่ลูกจะมีอาการดังนี้
- อาเจียน
- หายใจลำบาก
- เซื่องซึม ไม่ยอมดูดนม
- ร้องไห้งอแงตลอด
- ไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียก
ผลกระทบ
เด็กที่ตกอยู่ในภาวะ Shaken Baby Syndrome จำนวน 1 ใน 3 คน มักจะเสียชีวิต และคนที่เหลือรอดก็มักจะ
- ตาบอดหรือเกิดการทำลายดวงตา
- มีพัฒนาการช้าลง
- เป็นลมชัก
- เป็นอัมพาต
- สติปัญญาอ่อน
วิธีป้องกัน
- ไม่ควรอุ้มเด็กขึ้นโดยจับใต้รักแร้แล้วแกว่งหรือเขย่าจนหัวสั่นคลอนอย่างรุนแรง
- ไม่ควรเล่นกับลูกโดยการโยน-รับเด็กขึ้นลง (เล่นโยนสูงๆ)
- ถ้าให้เด็กนั่งบนตักหรือไหล่ ต้องระวังไม่ให้เด็กล้มตัวลงไปด้านหลังอย่างกะทันหัน
- เวลาอุ้มเด็กต้องใช้มือประคองศีรษะลูกเสมอ
- เวลาลูกร้องไห้ไม่ควรเขย่าด้วยความโกรธ เพราอยากให้ลูกหยุดร้อง ใช้การปลอบประโลมลูกเบาๆ แทน
ขอบคุณข้อมูลจาก