การแพ้อาหารเป็นสาเหตุของอาการแพ้ที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะในเด็ก ซึ่งอาการมีตั้งแต่แพ้เล็กน้อยจึงแพ้ไปถึงขั้นรุนแรง โดยในการแพ้ขั้นรุนแรงนั้น แค่การสัมผัสก็ทำให้แพ้อย่างรุนแรงได้แล้วค่ะ
กรณีนี้มีคุณแม่ผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่ง ได้ออกมาพิมพ์เรื่องราวแชร์ประสบการณ์การแพ้อาหารของลูก เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้แก่คุณแม่ท่านอื่น โดยคุณแม่เล่าว่า น้องเอนจิ้นซึ่งเป็นลูกชายนั้นมีอาการภูมิแพ้ขั้นหนักตั้งแต่อายุ 4 เดือน เมื่อไปเจาะผลเลือด จึงทราบว่าแพ้ไข่ขาวอย่างรุนแรง จะมีอาการนอนหายใจครืดคราด มีผื่นสากตามหน้าและข้อพับ ซึ่งน้องกินนมแม่ล้วน ดังนั้นคุณแม่จึงต้องงดอาหารที่มีส่วนผสมของไข่ทั้งหมด เพราะลูกจะรับโปรตีนไข่ผ่านน้ำนมของแม่
จนเมื่อน้องเอนจิ้นอายุขวบครึ่งจึงได้เทสเจาะผลเลือดอีกครั้ง คราวนี้พบว่านอกจากไข่ขาวแล้ว ยังแพ้ไข่แดงและไรฝุ่นขั้นรุนแรง ดังนั้นในการทำอาหารให้ลูกจึงหลีกเลี่ยงเมนูที่มีไข่เป็นส่วนผสม เพราะหากไม่งดจริงจัง ค่อยๆ รับไข่ทีละเล็กละน้อยก็จะกระตุ้นอาการแพ้จนทำให้ไม่หายสักที
และเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม น้องเอนจิ้นที่มีอายุ 2 ขวบอยู่ในวัยที่กำลังซุกซนได้วิ่งไปคว้าไข่ดิบ 1 ฟองแล้วบีบจนแตก จนเปื้อนแขนและขา ผลปรากฏว่า น้องร้องลั่นมีผื่นขึ้นเต็มตัวภายในเวลา 2-3 วินาที นอกจากนี้ยังเสียงแหบ นัยน์ตาแดง คุณแม่จึงรีบพาลูกไปอาบน้ำ ฟอกสบู่ทันทีให้ยาแก้แพ้และทายาคาลาไมล์ ซึ่งคุณแม่งงมากไม่คิดว่าลูกจะมีอาการแพ้หนักเพียงแค่สัมผัสไข่แตก 1 ฟอง
ดังนั้นคุณแม่จึงอยากฝากเรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับบ้านไหนที่มีลูกแพ้อาหาร เพราะอาการภูมิแพ้แบบรุนแรงเฉียบพลันเป็นเรื่องอันตรายมาก ถ้าเกิดแล้วมีโอกาสที่จะเสียชีวิตสูง เพราะฉะนั้นถ้าเด็กหรือมีคนมาบอกว่าเขาแพ้อะไร กรุณาอย่าไปแกล้ง เช่น เอาสารก่อภูมิแพ้นั้นไปป้ายตัว เพราะบางรายแค่สัมผัสหรือสูดกลิ่นก็แพ้แล้ว หากแพ้มากหรือรับสารที่ทำให้แพ้ในปริมาณมากจะทำให้หมดสติ หลอดลมตีบ หายใจไม่ออก ถึงขั้นเสียชีวิตทีเดียว
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/AumSuttisinee/posts/10158058521989152