ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงควรเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องทำให้เด็กวัยเรียนและกลุ่มเด็กที่อยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ วันนี้มีคำแนะนำในการจัดห้องปลอดฝุ่นทั้งที่โรงเรียนและที่บ้านมาฝากกันค่ะ
1. เลือกห้องที่ห่างจากแหล่งกำเนิดฝุ่น
สำหรับภายในโรงเรียน ห้องที่ในการเรียนการสอน ควรหลีกเลี่ยงจุดที่อยู่ใกล้บริเวณ ถนน ลานจอดรถ พื้นที่ก่อสร้าง เพื่อให้ไกลจากแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง
2. ไม่ทำกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดมลพิษภายในห้อง
เช่น จุดเทียน จุดธูป นอกจากนี้ควรเป็นห้องที่มีประตูหรือหน้าต่างน้อยที่สุด และหลีกเลี่ยงอุปกรณ์ที่เป็นแหล่งสะสมของฝุ่นละอองภายในห้อง เช่น พรม หนังสือ ตุ๊กตา เป็นต้น
3. ลดฝุ่นจากการเปิด-ปิดประตู หน้าต่าง
ลดการเกิดฝุ่นโดยการปิดประตู-หน้าต่างให้มิดชิด และปิดช่องหรือรูอากาศด้วยวัสดุปิดผนึก เช่น ซีลประตู หรือเทปปิดร่องประตูหรือหน้าต่าง เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศภายนอกเข้าไปในห้องซึ่งเป็นสาเหตุของการสะสมฝุ่น
4. ทำความสะอาดห้องด้วยผ้าหมาดดีกว่าใช้ไม้กวาด
แนะนำให้ทำความสะอาดห้องด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดหรือถู ไม่ควรใช้ไม้ขนไก่ ไม้กวาดหรือเครื่องดูดฝุ่น เพราะจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย
5. ทำความสะอาดหน้ากากแอร์ทุกเดือน
สำหรับห้องที่มีเครื่องปรับอากาศควรตรวจสอบทำความสะอาดหน้ากากเครื่องปรับอากาศและแผ่นกรองอากาศทุกเดือน ล้างเครื่องปรับอากาศอย่างน้อย 6 เดือนต่อครั้ง และอาจเพิ่มประสิทธิภาพการลดฝุ่นในห้อง เช่น การใช้เครื่องฟอกอากาศ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวควรมีขนาดที่เหมาะสมกับห้องค่ะ
เนื่องจากเด็กๆ มีอัตราการหายใจเร็วกว่าผู้ใหญ่ และปอดยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้ร่างกายได้รับมลพิษกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของปอดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางระบบประสาทและความสามารถทางปัญญาของเด็ก ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละเลยเรื่องฝุ่นๆ นี้เด็ดขาดค่ะ
ที่มา – thaipbs