หลังจากที่เป็นข่าวอย่างครึกโครมในกรณีที่มีการลงโทษและทำร้ายร่างกายเด็กเกินเหตุของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านนนทบุรี โดยที่ครูได้ลงมือทำร้ายร่างกายเด็กเกือบทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นการกระชาก จิกหัว หรือผลักจนล้มนั้นถือเป็นเหตุความที่สร้างความสะเทือนใจแก่อยู่เป็นพ่อแม่อย่างมาก
แต่เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นในสังคมไทย เพราะมีหลายกรณีเช่นกันที่เด็กถูกทำร้ายร่างกายโดยคุณครูไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือเด็กโต อย่างกรณีของเด็กโตก็มีเหมือนกันที่เด็กถูกทำโทษด้วยการให้ลุกนั่งจนเอ็นอักเสบหรือร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต
ในส่วนของเด็กเล็ก ก่อนหน้านี้ก็มีกรณีที่เด็กชั้นป.1 ถูกลงโทษที่จังหวัดสงขลาเช่นเดียวกัน โดยสาเหตุคือไม่ได้ระบายสีเพราะไม่มีสี แต่คุณครูไม่ได้สอบถามหรือฟังเหตุผลของเด็กก็ได้ลงมือทำโทษโดยการใช้ไม่ไผ่ฟาดเด็กจำนวน 5 ครั้งจนเกิดรอยช้ำเลือดตามหลัง
หรือล่าสุดก็เกิดขึ้นอีกแล้วกับเด็กโรงแรียนแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี โดยมีผู้ปกครองได้โพสต์ภาพลูกมีรอยเขียวช้ำที่แขนและลำคออย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากโดนครูประจำชั้นทำร้ายเพราะเด็กไม่ยอมเขียนชื่อ
เหตุการณ์เหล่านี้ที่เกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งที่สังคมตั้งคำถามว่า ทำไมการที่พ่อแม่ทำงานหนัก แล้วนำมาจ่ายค่าเทอมแสนแพงเพื่อให้ลูกได้รับการศึกษาและอยู่ในสังคมที่ดี กลับต้องมาพบเหตุการณ์ที่สะเทือนใจแบบนี้ นั่นแสดงให้เห็นว่าครูหรือบุคลากรทางการศึกษาของไทยบางส่วนกำลังขาดทักษะของวิชาชีพครูอยู่รึเปล่า
ทางด้านนางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เปิดเผยข้อมูลของกรณีที่เด็กถูกครูทำร้ายร่างกายว่า การกระทำแบบนี้ขัดต่อหลักการคุ้มครองเด็กและเยาวชนมิให้ถูกใช้ความรุนแรงหรือการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวมไปถึงพรบ.คุ้มครองเด็กด้วย
ซึ่งการที่ครูหรือบุคลากรทางการศึกษามีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงต่อเด็กนักเรียน สะท้อนว่าครูดังกล่าวขาดทักษะวิชาชีพครู ขาดทักษะการจัดการปัญหาและขาดวุฒิภาวะ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ด้วยการฝึกอบรมทักษะความเป็นครู เพื่อให้เข้าใจสิทธิของเด็ก รวมไปถึงมีจิตวิญญาณของความเป็นครูและมีทักษะในการดูแลเด็กด้วย
อ้างอิงจาก