การบ้านเป็นสิ่งที่ให้เพราะตั้งใจว่าจะเพิ่มพูนทักษะทางการเรียนของเด็กๆ ให้กลับไปทบทวนเรื่องที่เรียนไปในวันนั้น เเต่หลายๆ ประเทศก็ให้การบ้านต่างกัน เรามาดูกันดีกว่าว่าเหล่าเด็กประถมในเเต่ละประเทศจะให้การบ้านกันแบบไหนบ้าง
ฟินแลนด์
ฟินเเลนด์เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีการศึกษาดีที่สุดในโลก มีเรียนเเค่วันละ 5 ชั่วโมง เเละที่สำคัญคือไม่มีการบ้าน!! และถึงเเม้จะมีการบ้านเด็กๆ ก็มักใช้เวลาทำไม่เกินวันละ 10 นาที เพราะที่ฟินเเลนด์ให้ความสำคัญกับกิจกรรมหลังจากเลิกเรียน เพราะถือว่าทุกที่คือการเรียนรู้ เเต่ถึงเเม้เด็กๆ ฟินเเลนด์จะไม่ได้ทำการบ้านหนังเท่ากับเด็กชาติอื่นๆ เเต่เด็กฟินเเลนด์ก็เก่งมากเห็นได้จากการจัดอันดับทางการศึกษาในระดับโลก เเละที่สำคัญเด็กๆ ยังมีความสุขมากกับการได้เรียนเเบบนี้ด้วยนะ
เวียดนาม
การให้การบ้านของเวียดนามเริ่มต้นด้วยการถามคำถามแบบเดียวเหมือนกันทุกวัน 5 ข้อ คือ
- วันนี้เธอช่วยพ่อแม่ทำงานอะไรบ้าง?
- วันนี้เธอทำความดีกับคนอื่นอย่างไรบ้าง?
- ที่บ้านเธอมีข่าวท้องถิ่นอะไรน่าสนใจบ้าง?
- มีข่าวการเปลี่ยนแปลงอะไรในประเทศเธอบ้าง?
- ในโลกของเรามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง?
ดูเเล้วง่ายๆ เเต่การบ้านเเบบนี้ผ่านการคิดมาเป็นอย่างดี เพราะเด็กที่ตอบคำถามได้จะต้องช่วยพ่อเเม่ทำงานบ้าน ต้องทำความดี ต้องติดตามข่าวสารรอบตัวทั้งเรื่องท้องถิ่น เรื่องภายในประเทศ ไปจนถึงข่าวต่าวประะเทศ เป็นการฝึกให้เด็กมีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งให้เป็นคนที่ทำความดีทุกๆ วัน
ญี่ปุ่น
เด็กญี่ปเองก็มีการบ้านเหมือนกัน เละยิ่งจะเยอะมากๆ ถ้าเป็น “การบ้านฤดูร้อน” อันนี้เป็นการบ้านที่คุณครูให้ทำช่วงปิดเทอม โดยขึ้นชื่อว่าเยอะมากๆๆ ส่วนการบ้านประจำวันส่วนใหญ่จะเป็นภาษาญี่ปุ่น คณิตศาสตร์ เเละการอ่านหนังสือเตรียมบทเรียนวันพรุ่งนี้
อเมริกา
การบ้านของเด็กอเมริกาค่อนข้างเยอะ เเต่ไม่ใช่ความเยอะเเค่จำนวนเพราะของที่นี่เน้นให้เด็กๆ คิด เเละเขียนออกมา ซึ่งการจะตอบได้ก็ต้องผ่านการอ่านหนังสือมาเยอะ เพราะคำตอบจะเป็นเเนวเอาเนื้อหาในห้องเรียนมาคิด วิเคราะห์ ตีความ หรือที่เรียกกันว่า “Critical thinking” เเต่ก็มีบางรัฐเหมือนกันที่มองว่าเด็กๆ ได้การบ้านเยอะเกินไป เลยสั่งลดการบ้านเเละให้เด็กๆ กลับทำกิจกรรมที่บ้านเยอะขึ้น
ไทย
ต้องยอมรับว่าการบ้านเด็กไทยเยอะมากๆ บางโรงเรียนเรียนวันละ 8 วิชา ก็ให้การบ้านกันทุกวิชาเลย ซึ่งบางทีก็ทำให้เด็กเครียด ทำไม่ทัน หรือลอกกัน มีบางเคสที่ไม่เเน่ใจว่าคุณครูให้การบ้านเด็กเยอะไปหรือเปล่าจนเด็กๆ สับสนเลยทำการบ้านมาตามในลิงค์นี้
การบ้านของเเตละประเทศมีความเเตกต่างกันไป เต่โดยส่วนตัวก็นยังมองว่าจุดที่เหมาะสมที่สุด คือการที่เด็กๆ ได้เรียนรู้ พร้อมทั้งมีความสุขไปพร้อมๆ กันไปด้วยค่ะ 😀
ขอบคุณข้อมูลจาก – manager