น้ำนมแม่นั้นมีสารอาหารที่สำคัญและมีประโยชน์ต่อการเติบโตของทารกอย่างมาก เปรียบเสมือนกับวัคซีนที่มีคุณค่าและมีความจำเป็นต่อระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพของลูกในอนาคต ดังนั้นการให้น้ำนมแม่แทนอาหารเสริมแก่ทารกอย่างน้อย 6 เดือน จะทำให้เด็กมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ประโยชน์มากมายขนาดนี้ไปดูกันค่ะว่าในน้ำนมแม่มีส่วนประกอบอะไรที่น่าสนใจบ้าง
น้ำนมแม่มีสารอาหารอะไรบ้าง
โดยพื้นฐานแล้ว น้ำนมของสัตว์มีคุณค่าทางอาหารที่ประกอบไปด้วย ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามินและแร่ธาตุ น้ำนมของแม่ก็เช่นกัน ซึ่งในช่วง 2-3 วันหลังคลอด แม่จะหลั่ง “โคลอสตรัม” (Colostrum) ออกมา คือน้ำนมสีเหลือง หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าระยะหัวน้ำนม น้ำนมชนิดนี้จะมีภูมิคุ้มกันจากแม่สูงที่สุด ซึ่งจะช่วยให้ลูกมีภูมิต้านทานโรคหลายอย่าง เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคหูน้ำหนวก โรคทางเดินหายใจ และโรคภูมิแพ้ เป็นต้น ส่วนน้ำนมแม่ในระยะต่อมาก็จะอุดมด้วยสารอาหารที่สำคัญและจำเป็นทั้งต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและการพัฒนาสมองของลูกเช่นเดียวกัน ได้แก่
1. เอ็มเอฟจีเอ็ม (MFGM)
สารอาหารสมองที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบล่าสุดว่า เมื่อกรดไขมันทุกชนิดรวมทั้ง DHA และ ARA ถูกผลิตออกมาจากต่อมผลิตน้ำนม จะถูกห่อหุ้มด้วยเยื่อบางๆ เรียกว่า MFGM (Milk Fat Globule Membrane) ซึ่งนับเป็นสารอาหารสมอง ที่อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด ทำหน้าที่ช่วยสร้างปลอกไขมันหุ้มเส้นใยสมอง (Myelin Sheath) เพิ่มประสิทธิภาพการส่งสัญญาณประสาท เชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง
2. ดีเอชเอ (DHA)
DHA คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโอเมก้า 3 ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของไขมันในสมองและจอประสาทตา ซึ่งลูกจะได้รับโดยตรงจากนมแม่ ที่สำคัญ DHA ในน้ำนมแม่ยังเพิ่มขึ้นตามปริมาณอาหารที่คุณแม่รับประทานด้วย
3. ทอรีน (Taurine)
ช่วยบำรุงสมองและช่วยพัฒนาเรื่องการมองเห็นของลูกได้ดี
4. แลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin)
โปรตีนที่ย่อยได้ง่ายกว่าโปรตีนในนมผสม ทนต่อกรดในกระเพาะอาหาร และยังมีคุณสมบัติพิเศษ คือ จับกับธาตุเหล็กในลำไส้ได้ ทำให้แบคทีเรียซึ่งต้องใช้โมเลกุลของธาตุเหล็กอิสระช่วยในการเจริญเติบโตไม่ สามารถเติบโตต่อได้ จึงช่วยปกป้องลูกจากการติดเชื้อ
5. ไลโซไซม์ (Lysozyme)
เป็นเอนไซม์ที่มีในน้ำนมแม่มากกว่านมวัวถึง 3,000 เท่า มีฤทธิ์ย่อยสลายผนังเซลล์ของเชื้อแบคทีเรียตัวร้าย ทำให้เชื้อตาย แถมยังเติมลงในนมผงไม่ได้ เพราะเอนไซม์ต่างๆ จะถูกทำลายด้วยความร้อนในขั้นตอนที่นำนมผงไปฆ่าเชื้อก่อนบรรจุกระป๋องด้วย
ประโยชน์ของน้ำนมแม่
1. ป้องกันโรคภูมิแพ้
สำหรับลูกวัยทารก น้ำย่อยอาหารในกระเพาะลำไส้ยังทำงานไม่เต็มที่ อีกทั้งภูมิคุ้มกันที่คอยดักจับสารแปลกปลอมในร่างกายก็ยังพัฒนา ไม่ดีพอ โปรตีนแปลกปลอมจึงมีโอกาสเล็ดลอดเข้าไปกระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ได้ง่าย แต่ในนมแม่ นอกจากจะมีโปรตีนชนิดที่ทำให้ไม่เกิดการแพ้แล้ว ยังมีสารภูมิคุ้มกันที่จะไปเคลือบเยื่อบุลำไส้ ทำให้ไม่แพ้ด้วย
2. เป็นวัคซีนธรรมชาติจากอกแม่
ลูกน้อยวัยทารกยังสร้างภูมิคุ้มกันเองได้ไม่ดี จึงมีภูมิต้านทานเชื้อโรคน้อยมาก แต่ลูกก็รับภูมิต้านทานโรคได้โดยตรงจากน้ำนมของแม่ ลดความเสี่ยง
3. มีสารช่วยป้องกันแบคทีเรีย
ในน้ำนมแม่มี Bifidus Growth Factor หรือสารที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อแล็กโตบาซิลลัส (ซึ่งไม่มีในน้ำนมวัว) ซึ่งเป็นเชื้อที่ช่วยให้เกิดกรดอินทรีย์ในลำไส้ ทำให้แบคทีเรียชนิดร้ายอยู่ไม่ได้ นอกจากนี้ แลคโตสในน้ำนมแม่เองก็ยังเปลี่ยนเป็นกรดแลกติก ที่ช่วยให้ลำไส้มีสภาพเป็นกรดจนแบคทีเรียไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกแรงหนึ่งด้วย
4. ช่วยให้ลูกมีระบบขับถ่ายดี
นมแม่เป็นอาหารธรรมชาติ สะอาด และย่อยง่าย ทั้งยังมีสารที่ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง มีสารช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ชนิดดีที่ไม่ก่อให้เกิด โรคในลำไส้ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดท้องเสีย และช่วยลดโอกาสการติดเชื้อในลำไส้ลงได้มากลูกน้อยที่กินนมแม่ นอกจากจะไม่มีปัญหาท้องผูกแล้ว ยังมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดท้องเสียน้อยลงด้วย
5. ดีต่ออารมณ์และจิตใจของลูก
การให้นมแม่แต่ละครั้งแม่จะต้องโอบกอดลูกแนบอก ความสุขใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความอบอุ่น จะถูกปลูกฝังไว้ในจิตใจลูกตั้งแต่วัยแรกเริ่มของชีวิต ช่วยให้เด็กเติบโตขึ้นอย่างมีความมั่นคงทั้งทางอารมณ์ และจิตใจ
6. ดีต่อสมองของลูก
เนื่องจากในนมแม่ตั้งแต่หยดแรก จะมี MFGM และ ดีเอชเอ ที่เป็นสารที่มีส่วนช่วยพัฒนาสมองได้โดยตรง
อย่างไรก็ตาม น้ำนมแม่ทุกระยะที่ร่างกายผลิตขึ้นมา จะมีสารอาหารที่ตรงตามความต้องการของทารกในแต่ละช่วงวัย รวมทั้ง สารอาหารสมอง MFGM ซึ่งอุดมด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด และ DHA กรดไขมันจำเป็นต่อสมองและสายตา คุณแม่มือใหม่ทั้งหลายอย่าลืมปั้มนมให้ลูกรักได้ดื่มกันนะคะ
ที่มา – enfababy