ช่วงนี้ฝนตกอย่างต่อเนื่องจึงทำให้คนเจ็บไข้ได้ป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะในเด็กเล็กซึ่งยังมีร่างกายไม่แข็งแรง ยิ่งตอนนี้มีเชื้อไวรัส RSV ต้นเหตุของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจระบาดด้วยแล้ว ยิ่งต้องดูแลสุขภาพของลูกให้มากขึ้นค่ะ
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ข้อมูลจากการเฝ้าระวังเชื้อก่อโรคปอดอักเสบรุนแรงจากโรงพยาบาล 30 แห่งในประเทศไทย ระหว่างปี 2555–2559 พบว่าในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีที่มาด้วยอาการปอดอักเสบรุนแรง 425 ราย มีการติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus: RSV) ร้อยละ 44 (187 ราย) ตรวจพบเชื้อมากในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี และเสียชีวิต 9 ราย
โดยเชื้อไวรัสอาร์เอสวีมักพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับฤดูกาลระบาดของไข้หวัดใหญ่ เชื้อไวรัสจะมีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายได้หลายชั่วโมงโดยอาศัยอยู่ตามวัตถุต่างๆ และแพร่กระจายได้ง่ายผ่านการไอหรือการจาม
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะแสดงอาการหลังสัมผัสถูกเชื้อไวรัสในระยะเวลา 4-6 วัน ผู้ติดเชื้อจะเริ่มตั้งแต่มีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จนถึงอาการรุนแรง เช่น หายใจเร็ว หอบเหนื่อยเนื่องจากปอดอักเสบ กินข้าวได้น้อย ซึมลง การรักษาส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ
ในปัจจุบันไวรัส RSV ยังไม่มีวัคซีนป้อง จะรักษาตามอาการเท่านั้น แต่เราสามารถป้องกันโรคได้ด้วยการล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการอยู่กับผู้ติดเชื้อ (ป้องกันการติดเชื้อผ่านน้ำมูก น้ำลาย) ไม่ควรใช้แก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น และทางโรงเรียนควรทำความสะอาดสนามเด็กเล่นอยู่เสมอ
หากลูกมีอาการป่วยควรให้ลูกหยุดเรียน และปิดปากเมื่อไอหรือจาม ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อเพิ่มความเจือจางในเสมหะหรือน้ำมูก ทำให้หายใจสะดวกขึ้น แต่ถ้าลูกอาการไม่ดีขึ้น เช่น ไอมาก หอบเหนื่อย กินข้าวได้น้อยลง ควรพาไปพบแพทย์ทันที
อ้างอิงจาก