ในช่วงนี้ยังถือว่าอยู่ในฤดูฝน ซึ่งอันตรายสำหรับเด็กที่มาพร้อมกับฤดูนี้คงหนีไม่พ้นการจมน้ำ เนื่องจากระดับน้ำที่เปลี่ยนแปลงจากฝนตก รวมไปถึงขอบบ่อลื่นหรือมีหญ้าปกคลุม ทำให้เด็กพลัดตกลงไปในน้ำได้
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำใหเด็กจมน้ำ คือ ระดับน้ำในแหล่งน้ำเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อาจมีความเชี่ยวแรงและมีระดับความลึกมาก มีน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ มีหญ้าปกคลุม มองเห็นขอบบ่อไม่ชัดเจน เสี่ยงต่อการพลัดตกหรือลื่นได้ง่าย
โดยเฉพาะช่วงหลังเลิกเรียนหรือวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ที่เด็กๆ มักชวนกันไปเล่นน้ำกันเอง แต่มีเด็กบางคนที่ไม่ได้ตั้งใจไปเล่นน้ำแต่อาจพลัดตกหรือลื่น เพราะเดินหรือยืนใกล้ขอบบ่อ บางกรณีพบว่าผู้ใหญ่ลงน้ำหาปลาหรือทำกิจกรรมทางน้ำ มักพาเด็กไปด้วยและปล่อยให้เล่นน้ำกันเองตามลำพัง
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจากการจมน้ำในช่วงหน้าฝน พ่อแม่จึงควรดูแลและให้คำแนะนำแก่เด็กดังนี้
1.อย่าเดินหรือวิ่งเล่นใกล้ขอบบ่อ เพราะหน้าฝนพื้นบริเวณขอบบ่อนิ่มและมีหญ้าปกคลุม อาจเกิดการลื่นไถลลงน้ำได้
2.ชุมชนช่วยกันสำรวจแหล่งน้ำเสี่ยง และเฝ้าระวัง จัดทำป้ายเตือน หรือแนวกั้นขอบบ่อ ติดตั้งอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำที่หาได้ง่าย
3.ไม่ลงเล่นน้ำ แม้จะใกล้บ้านหรือที่คุ้นเคย เพราะระดับน้ำ ความแรงของน้ำและพื้นใต้น้ำ มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เนื่องจากฝนที่ตกลงมา
4.ผู้ปกครองที่พาบุตรหลานไปตามแหล่งน้ำ เช่น หาปลา เก็บผัก ไม่ควรปล่อยเด็กให้ลงไปในน้ำ
5.ใช้เสื้อชูชีพ เสื้อพยุงตัว หรืออุปกรณ์ลอยน้ำได้อย่างง่าย (เช่น แกลลอนพลาสติกคล้องเชือกสะพายแล่งให้เด็กติดตัวไว้เสมอ) ทุกครั้งที่ทำกิจกรรมทางน้ำหรืออยู่ใกล้แหล่งน้ำเสี่ยง (ทั้งคนที่ว่ายน้ำเป็นและว่ายน้ำไม่เป็น)
.
อ้างอิงจาก