นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคอุจจาระร่วงมีแนวโน้มพบมากขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย โดยในปัจจุบันมีเด็กป่วยเป็นโรคอุจจาระร่วงแล้วได้เข้ารับการรักษากว่า 187,000 รายต่อปี
โรคอุจาระร่วงส่วนใหญ่เกิดจากอาหารเป็นพิษ ส่วนที่เหลือเกิดจากไวรัส พยาธิ และแบคทีเรีย โดยโรคอุจจาระร่วงที่พบมากในกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มักเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งถ้าเกิดในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปีอาการจะรุนแรงมาก
สำหรับโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสในเด็กเล็กนั้นจะติดต่อผ่านการกินอาหาร นม น้ำดื่ม หรือการอมมือที่สัมผัสกับเครื่องใช้หรือของเล่นต่าง ๆ ที่ปนเปื้อนเชื้อ เพราะเชื้อเหล่านี้จะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย อุจจาระของผู้ที่ไม่สบาย มีอาการคล้ายไข้หวัดนำมาก่อน ต่อมาจะถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ ปนฟอง และมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ถ่ายเหลว 3 ครั้ง/วัน หรือมากกว่า นอกจากนี้ยังมีไข้สูงและอาเจียนร่วมด้วย
นายแพทย์โอภาสยังกล่าวอีกว่า “ผู้ป่วยโรคท้องร่วง ร้อยละ 95 ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เนื่องจากจะทําให้เชื้อแบคทีเรียที่มีตามธรรมชาติอยู่ในร่างกายเกิดการดื้อยาได้ ไม่ควรกินยาหยุดถ่ายเพราะจะทำให้เชื้อโรคยังคงอยู่ในลำไส้ ต้องให้เด็กดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ โออาร์เอส แต่ถ้าอาการรุนแรง เช่น มีไข้สูง อุจจาระบ่อย และไม่สามารถดื่มน้ำทดแทนได้ เด็กจะมีอาการขาดน้ำรุนแรง หากรับการรักษาไม่ทันหรือไม่เหมาะสม อาจเกิดภาวะช็อกและอาจเสียชีวิตได้ ขอให้รีบพาไปพบแพทย์”
ในการป้องกันโรคอุจจาระร่วงในเด็ก คือ การดูแลรักษาความสะอาดให้ดี โดยพ่อแม่หรือผู้ปกครองจะต้องล้างมือทุกครั้งก่อนทำอาหารหรือชงนมให้ลูก รวมไปถึงก่อนและหลังเข้าห้องน้ำด้วย อีกทั้งยังต้องสอนลูกให้รู้จักล้างมือบ่อยๆ ให้ลูกรับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงสุกใหม่ๆ ดื่มน้ำที่สะอาดหรือน้ำต้มสุก
อ้างอิงจาก