ช่วงนี้เห็นข่าวว่าเด็กๆ หลายคนตั้งแต่วัยทารกจนถึงอายุประมาณ 5 ขวบ มีอาการผิวปริและลอกจากโรค 4S ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่อาจติดมาจากการถูกกอดหรือหอม
โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “คุณหญิง ฉัตรเพชรฯ” และ “Kultharin Lhew” ได้โพสต์เกี่ยวกับอาการของลูกวัย 5 เดือน และ อายุประมาณ 5 ขวบที่ผิวหลังหลุดลอกมีจุดเล็กๆ สีเหลือง หนังที่แดงเริ่มปริออกเหมือนคนถูกน้ำร้อนลวก ผิวหนังแดงที่เบ้าตา 2 ข้างและรอบปาก
โดยคุณหมอได้วินิจฉัยว่าเป็นโรค 4S หรือ Staphylococcal scalded skin syndrome (SSSS) จึงได้ออกมาเตือนภัยให้แก่คุณพ่อคุณแม่ว่าเลี่ยงการให้คนอื่นที่ยังไม่ได้ล้างมือหรือล้างหน้ามาจับ กอด หรือหอมลูกเพราะอาจติดเชื้อแบคทีเรียนี้ได้
นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรค 4S นี้เกิดจาก เชื้อแบคทีเรียชื่อ “Staphylococcus aureus” พบได้บ่อยในกลุ่มเด็กทารก และเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่มีอาการผิวหนัง เด็กจะมีอาการไข้ อ่อนเพลีย ตัวแดง ร้องงอแง เจ็บบริเวณผิวหนัง
ผื่นสามารถกระจายไปทั่วตัวอย่างรวดเร็วใน 1 – 2 วัน จากนั้นจะสังเกตเห็นการลอกของผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการแยกตัวของหนังกำพร้าชั้นตื้น มีแผลถลอกตื้นๆ หรือเป็นแผ่นและสะเก็ด ลักษณะจำเพาะ คือ สะเก็ดลอกจะเรียงเป็นเส้นๆ ในแนวรัศมี รอบปาก และดวงตา
สำหรับโรคนี้รักษาให้หายได้ด้วยยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำเพื่อกำจัดเชื้อที่สร้างท็อกซิน ให้สารน้ำให้เพียงพอเนื่องจากผู้ป่วยมีการสูญเสียน้ำทางผิวหนังมากกว่าปกติ สำหรับการรักษาจะเป็นการรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้และแก้ปวด ร่วมกับการดูแลแผล โดยผิวหนังจะหายเป็นปกติหลังจากผื่นหาย
ส่วนวิธีการป้องกันโรค 4S ทำได้ด้วยการทำความสะอาดมือของคนที่จะมาจับ กอด หรือหอมลูก ทั้งตัวพ่อแม่เองและบุคคลอื่น ถ้าเป็นไปได้จริงๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงให้คนอื่นหอมแก้มลูก
อ้างอิงจาก